งานบัสแอนด์ทรัค เป็นงานแสดงรถยนต์งานใหญ่ แต่ความสนใจของบุคคลทั่วไปน้อยกว่างานอื่นๆ เช่น บางกอก มอเตอร์โชว์, มหกรรมยานยนต์ เนื่องจากผู้ชมหลักๆเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ ไม่ใช่บุคคลทั่วไป ที่จะไปหาซื้อรถมาใช้งาน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตลาดรถบรรทุกปีนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากตลาดรถอื่นๆ นั่นคือติดลบ โดยมีการคาดการณ์กันว่าปีนี้จะหดตัวลงกว่าเกือบ 50% จากที่เคยทำได้ประมาณ 4 หมื่นคันในปีที่แล้ว เหลือ 2.5 หมื่นคันในปีนี้ แต่ว่าลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของตลาดรถบรรทุกก็คือ เมื่อจะหดตัว ก็จะเกิดขึ้นช้ากว่ารถเล็ก และเมื่อจะฟื้นตัว ก็จะฟื้นได้เร็วกว่า ซึ่งปี 2556 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ทั่วไปหดตัวชัดเจนตั้งแต่กลางปี แต่รถบรรทุกเริ่มตกลงปลายปี จึงเหลือสิ่งที่ต้องติดตามดูว่า การฟื้นตัว จะเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ในปีนี้ ซึ่งคงไม่เฉพาะผู้อยู่ในแวดวงรถใหญ่เท่านั้นที่ต้องการให้ฟื้นตัว คนทำตลาดรถยนต์นั่ง ปิกอัพ ก็คงลุ้นไม่แพ้กัน หากมั่นใจว่ารถใหญ่ฟื้นตัวเร็วกว่า และเพื่อประเมินทิศทางตลาดจากนี้ไป ทางผู้จัดงานบัสแอนด์ทรัค ซึ่งจะมีขึ้นช่วงต้นเดือน พ.ย. ได้จัดเสวนาพิเศษ โดยมีมุุมมองของผู้ที่อยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่าตลาดรถบรรทุกเติบโตมาหลายปี เริ่มจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้ปี 2555 มีความต้องการมาก เพื่อทดแทน และใช้ในหลายกิจกรรม รวมถึงการฟื้นฟู และต่อเนื่องมายังปี 2556 ที่ยอดจดทะเบียนมีจำนวนมาก แต่ปี 2557 ตลาดกลับลดลงอย่างรุนแรง โดยเห็นว่าเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบางของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายนอก และภายใน อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหนึ่งที่จะต้องจับตามอง ซึ่งมาพร้อมกับเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นกัน นั่นคือ ความมั่นใจของนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจจะรู้สึกลังเล เมื่อได้เห็นน้ำท่วมใหญ่ในเมืองหลวง บวกกับการที่ประเทศเพื่อนบ้านพยายามดึงการลงทุนเข้าประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การลงทุนภาครัฐก็ไม่เกิดขึ้นอีกด้วย ขณะที่การบริโภคภายในประเทศ มีไม่มาก หลังจากคนไทยติดกับดักหนี้ จากโครงการรถคันแรก แต่เชื่อว่าตลาดจะดีขึ้นได้ หากรัฐมีการลงทุน และต้นทุนของสินค้าปรับตัวลดลง วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวว่า ตลาดรถใหญ่ นอกจากรถบรรทุกแล้ว รถโดยสารก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะรถที่ใช้ในกิจการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวลดลง รุนแรงที่สุดจาก 2 ตลาดใหญ่ คือจีน ที่่รัฐบาลออกกฎหมายด้านท่องเที่ยวฉบับใหม่ ซึ่งมีผลทำให้ความต้องรถจากเดิม 600 คัน/วัน ในช่วงปกติ และ 1,500 คัน/วัน ในช่วงไฮซีซัน ลดลงเหลือ 100-200 คัน/วัน เท่านั้น ส่วนอีกตลาดหนึ่งคือ รัสเซีย ซึ่งเกิดปัญหาการเมืองกับเพื่อนบ้าน ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป 50% ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวในประเทศก็ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเดินทางท่องเที่ยวด้วยการขับรถไปเอง แทนการซื้อทัวร์เหมือนในอดีต รวมไปถึงการแพร่หลายของสายการบินต้นทุนต่ำ (lowcost airlines) จำนวนมากอีกด้วย และช่วงนี้อาจจะถูกซ้ำเติมด้วยความเข้มงวดในเรื่องการเดินทางศึกษาดูงานของหน่วยงานราชการ หรือองค์กรส่วนท้องถิ่น "ปัจจัยลบอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตลาดรถรับ-ส่ง พนักงาน เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี การผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ลดลง การทำงานล่วงเวลาที่เคยต้องการรถรับ-ส่งมาก ก็ลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตามในมุมมองของสุขสมเกียรติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ เอสเอสเค กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุก ไอวีโก เชื่อว่าการที่ช่วงนี้ไทยมีรัฐบาลใหม่แล้ว จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้า ความเชื่อมั่นประชาชนดีขึ้น และการลงทุนภาครัฐก็จะตามมา "รัฐบาลตอนนี้ไม่เหมือนปีที่ผ่านมา หรือช่วงต้นปี ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น ตลาดรถบรรทุกเองก็จะปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าจะเห็นได้ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนปีหน้าหากการเมืองนิ่ง เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยไปได้แน่" สุขสมเกียรติกล่าวว่า สัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าทิศทางอนาคตน่าจะดีคือ การเปิดตัวของรถบรรทุกยี่ห้อใหม่ ไอวีโก ซึ่งใช้เวลา 20 วัน สร้างยอดของได้ถึง 120 คัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความคาดหมาย Tags : ยานยนต์ • ตลาดรถ • มอเตอร์โชว์ • รถบรรทุก • การผลิต • บัสแอนด์ทรัค