"ไทยพาณิชย์" ฟุ้งลูกค้ารวยแห่ไหลเข้าเพิ่มสินทรัพย์เป็น 6 แสนล้านบาท ตั้งเป้าปี 2558 กลุ่มลูกค้าไทยพาณิชย์ เฟิร์ส หรือกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากและเงินลงทุนตั้งแต่ 10-50 ล้านบาทของธนาคาร ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าหมื่นราย ทำให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันอยู่ที่ 2.5 หมื่นราย นางสาวผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า โดยสิ้นปีนี้คาดจะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิมที่มีการย้ายเงินฝากและเงินลงทุน เข้ามาอยู่กับธนาคาร เพื่อเข้าเกณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากลูกค้าสนใจสิทธิประโยชน์ที่ธนาคารเสนอให้ ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 6-7 หมื่นล้านบาทจากสิ้นปีก่อน นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมการลงทุนของลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่มีสัดส่วนของเงินฝากกว่า 62% ปัจจุบันลูกค้าธนาคารมีสัดส่วนของเงินฝากเพียง 60% และได้หันไปเพิ่มการลงทุนในกองทุนมากขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วน 38% เป็น 40% มากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนหุ้น ในส่วนของฐานลูกค้าของธนาคารกว่า 70% เป็นลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ยังเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่เหลืออีก 30% จะเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ "ลูกค้าส่วนใหญ่อัพเกรดตัวเองขึ้นมาเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ ด้วยการโยกสินทรัพย์จากแบงก์อื่นมา ส่วนลูกค้าใหม่จริงๆ ที่เข้ามาน้อย แค่หลักพันคนเท่านั้น เพราะปกติลูกค้าที่ใช้ไพรเวทแบงก์ก็ใช้บริการ 2.5-3 แบงก์ ซึ่งเราพยายามปรับสิทธิประโยชน์ ให้อาร์เอ็มมาช่วยวิเคราะห์การเงิน จัดพอร์ตลูกค้า จากการกระจายความเสี่ยงให้ลูกค้า ช่วยให้มีการเติบโตที่ดี" ส่วนทิศทางในปีหน้า ธนาคารยังเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมที่เพิ่มสินทรัพย์ขึ้นมาเป็นลูกค้าเฟิร์ส เนื่องจากปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์ ยังมีฐานลูกค้าอีกมาก ที่สามารถยกระดับสินทรัพย์ขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องพึ่งฐานลูกค้าใหม่ โดยจะมีระบบการวิเคราะห์ศักยภาพลูกค้าที่สามารถเพิ่มสินทรัพย์ได้ และมีเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุย โดยในปีหน้าจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าจาก 100 คน ในขณะนี้ เป็น 250 คน และโดยตั้งเป้าในปี 2558 จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มได้อีก 7,000- 10,000 ราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริการเพิ่มขึ้น 15% จากปัจจุบันที่มี 6 แสนล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจปีหน้าคือการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะตลาดทุนไทยที่ยังเป็นที่น่าสนเพราะอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น ( P/E ) ของไทยยังอยู่ในระดับ 11-12 เท่า ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ในระดับสูงกว่า 12 เท่า โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเป็นการลงทุนที่ธนาคารแนะนำ "เรายังเน้นให้ลูกค้ามาลงทุนกองทุนหุ้น ตลาดทุนยังเป็นคำตอบที่ดี ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จากการลดคิวอีของสหรัฐ ทำให้การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจะตอบโจทย์ และกองทุนต่างประเทศและเอสแอนด์พี 500 หรือกองทุนอสังหาและกองรีทส์ จะมาแรงและเป็นทางเลือกลงทุนของลูกค้า" Tags : ธนาคารไทยพาณิชย์ • ผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ • ลูกค้า • สินทรัพย์