เน้นสร้างงาน-ลงทุนกระตุ้นศก.

"สมหมาย"งบไม่ถึง2แสนล้านจากทุกหน่วยงาน-ลั่นไม่มีประชานิยม พาณิชย์เตรียมจัดธงฟ้า"เข้าถึงระดับอำเภอ

รมว.คลังเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพคเกจใหญ่จากหลายหน่วยงาน เน้นสร้างงาน-ลงทุน ระบุใช้เงินไม่ถึง 2 แสนล้านบาท ยันไม่ใช่โครงการประชานิยม ขณะขึ้นเงินเดือนราชการ ส่อเลื่อนไปเม.ย.ปีหน้า

กระทรวงการคลังเตรียมหางบประมาณสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาในวันที่ 1 ต.ค.นี้

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่ากระทรวงการคลังจะเข้าไปสนับสนุนแค่บางส่วน จึงต้องรอฟังจากม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)

นายสมหมายภาษี กล่าวว่างบประมาณที่นำมาใช้ไม่มากถึง 2 แสนล้านบาท เพราะจะถูกมองเป็นประชานิยม และงบที่นำมาใช้นั้นจะมาจากหลายส่วน ทั้งจากงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ งบประมาณในปี 2558 งบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบ 2557 รวมถึงงบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปีตั้งแต่ก่อนปี 2557 คลังกำลังพิจารณาว่าจะนำเงินที่ยังไม่มีหนี้ผูกพันมาใช้ในแพ็คเกจเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน

งบประมาณจากโครงการที่ยังไม่เบิกจ่ายจากการขอจัดสรรงบประมาณประจำปีในช่วงที่ผ่านมา เช่น โครงการลงทุนไทยเข้มแข็งเหลือประมาณ 15,000 ล้านบาท งบประมาณค้างจ่ายย้อนหลังไปก่อนปี 2557 ประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท และงบค้างท่อปี 2557 อีก 200,000 ล้านบาท และงบบางส่วนที่เหลือจากการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าราคากลางอีก 3,000-4,000 ล้านบาท

"ขณะนี้มีงบอยู่แน่ๆ แล้วจากโครงการไทยเข้มแข็งที่ยังเหลืออยู่กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวเลข 5 หมื่นล้านบาท ที่ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังพูดถึงนั้น เป็นการไปกวาดงบที่ค้างท่อที่ยังใช้ไม่หมด ซึ่งคงต้องไปดูอีกครั้งว่าจะเหลือเงินเท่าไร" นายสมหมาย กล่าว

เมื่อถามถึงตัวเลขที่นายสมหมายเคยพูดถึงว่าจะใช้งบ 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคนจนและดูแลเกษตรกร นายสมหมาย กล่าวว่า อันนั้นเป็นตัวเลขวงเงินที่จะนำมาช่วยเหลือเกษตรกรทั้งประเทศ เป็นคนละส่วนกับแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ

"ที่พูดถึงงบ 1 แสนล้านบาท เพื่อทำให้เกษตรกรรู้สึกว่ากระทรวงการคลัง จะไม่ปล่อยให้เกษตรรู้สึกว่าถูกปล่อยให้เดียวดาย และยังมีแนวคิดที่จะไปช่วย แต่การไปช่วยเหลือต้องปรับไม่ให้เป็นประชานิยม"

นายสมหมายกล่าวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเน้นในเรื่องการจ้างงานและลงทุน อาทิ สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล

ธ.ก.ส.รับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร

นายสมหมาย กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนของธ.ก.ส. ถือเป็นหน้าที่ ธ.ก.ส. ต้องมาสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ทุกรัฐบาลยังมีนโยบายสนับสนุนเกษตรกรซึ่งดูทั้งภาพรวมทั้งชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน โดย ธ.ก.ส. เป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาลในการดูแลเกษตรกร จึงตั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเป็นประธานกรรมการธ.ก.ส.

นอกจากนี้ นายสมหมาย ยังกล่าวถึงข้อเสนอการเก็บภาษีล็อตเตอรี่ 5 บาทต่อใบว่า ยังไม่เห็นข้อเสนอในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดของคณะกรรมการสลาก ส่วนตัวยังไม่ได้นำเรื่องนี้มาคิดเลย เพราะยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดมากกว่า

เงินเดือนขรก.คาดเลื่อนไปช่วงเม.ย.58

ด้านนายมนัส แจ่มเวลา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่าในวันนี้ (30 ก.ย.) หน่วยงานจะขอใช้งบกันงบประมาณเหลื่อมปีของปีงบ 2557 เท่าไร เพราะปกติส่งการขอใช้งบในวันสุดท้ายของปีงบประมาณ เพื่อสรุปว่า ตัวเลขงบประมาณปี 2557 ที่คาดจะเบิกไม่หมด 2 แสนล้านบาทนั้น จะกันเป็นงบเหลื่อมปีเท่าไร หากไม่มีการกันงบไว้ สามารถนำงบที่เหลือมาใช้ในแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจได้

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในส่วนของเงินเดือนข้าราชการ ไม่น่าจะมีการปรับขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เนื่องจากมีคำสั่ง ให้นำงบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยรัฐบาลมองว่า น่าจะไปช่วยคนส่วนใหญ่ของประเทศก่อน และรัฐบาลอยากนำเงินตรงนี้ มากระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ดังนั้นการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการน่าจะเลื่อนออกไปเป็นช่วงเดือนเม.ย. 2558 แทน

"สมหมาย"สั่งธกส.เลิกประชานิยม

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วานนี้ (29 ก.ย.) นายสมหมาย ในฐานะประธานคณะกรรมการธกส. มอบนโยบายการบริหารงานให้ธนาคารปรับแนวคิดการทำงาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคเกษตร ต้องไม่ใช้มาตรการที่เป็นประชานิยม หรือการให้เงินไปเปล่าๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทน ซึ่งฝ่ายบริหาร ต้องไปพิจารณาว่าหากไม่ใช้แนวทางที่เป็นประชานิยม จะทำอย่างไร

ทั้งนี้ ต้องมาดูว่าที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ช่วยมากไปหรือไม่ ต้องปรับความเข้าใจในการทำงาน ซึ่งมาตรการที่เป็นประชานิยม ชัดเจนว่า คือ การให้เงินไปแบบง่ายๆ โดยไม่ได้ดูถึงผลตอบแทน หรือผลประโยชน์ที่จะเกิดกับเกษตร เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิต การลดต้นทุน รวมถึงผลตอบแทนที่ธ.ก.ส.ก็ต้องได้รับด้วย ซึ่งการช่วยเหลือต่อไปจะต้องมองถึงผลประโยชน์เหล่านี้ด้วย

"รัฐบาลจะให้ ธ.ก.ส. เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือและพัฒนาเกษตรของประเทศ ทั้งชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน จึงส่งผมมาเป็นประธานบอร์ด เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มานั่งเป็นประธานบอร์ดเอง หมายความว่า รัฐบาลต้องสนับสนุนธ.ก.ส. ในการดูแลเกษตรกร และดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการเศรษฐกิจที่จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องโยงกับธ.ก.ส.ด้วย"

ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องส่วนเกิน5หมื่นล.

ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องส่วนเกิน 4-5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถสนับสนุนนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร และชาวนาตามนโยบายรัฐบาล ในการดูแลเรื่องราคานั้น ทางกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแล ขณะที่เรื่องต้นทุนเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส. ต้องรอให้ทั้ง 2 หน่วยงานนี้มีแนวทางที่ชัดเจนก่อน ส่วนเรื่องเงินไม่มีปัญหา ธ.ก.ส.พร้อมจะดูแล

ธ.ก.ส.จะเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาขยายกลุ่มเป้าหมายการปล่อยกู้ให้กับสหกรณ์สวนยาง จากเดิมจะปล่อยกู้ให้เฉพาะสหกรณ์การเกษตร เพิ่มเป็นปล่อยเงินกู้ให้กับสหกรณ์ในกลุ่มอื่นๆ ที่มีบทบาทในการรวบรวมยางพาราด้วย แต่ยังอยู่ในวงเงินเดิมคือ 1.5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ยังจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการบริหารเงินกู้ ในโครงการรับจำนำข้าวที่จะครบกำหนดชำระ 1.8 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังได้จัดสรรงบปี 2558 ให้ 3 หมื่นล้านบาท จึงเหลืออีก 1.5 แสนล้านบาท ที่ทางธนาคารจะต้องกู้ใหม่เพื่อมารีไฟแนนซ์ ตามแผนของ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

ส่วนนโยบายรัฐบาลที่จะให้ยืดหนี้ในโครงการรับจำนำข้าวออกไป จากเดิมที่จะต้องชำระหนี้ทั้งหมดใน 7 ปี ขึ้นอยู่กับทางสบน.ว่า มีนโยบายในการบริหารจัดการอย่างไร ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการตามแนวทางนั้น ซึ่งหนี้ในส่วนนี้ไม่ถือเป็นภาระของธนาคาร เพราะรัฐบาลจะรับในส่วนเงินต้น และดอกเบี้ยให้อยู่แล้ว

ปิดโครงการกองทุนช่วยชาวนา

สำหรับโครงการกองทุนช่วยเหลือชาวนา เพื่อระดมทุนบริจาคและรับฝากจากประชาชนทั่วไป เพื่อนำเงินไปจ่ายให้แก่ชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/2557 ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2557 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ชาวนาได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวแล้วทุกราย และธ.ก.ส.ได้รับชำระเงินคืนจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์มาแล้วบางส่วน บอร์ดจึงมีมติเห็นชอบให้นำเงินดังกล่าวไปคืนให้กับผู้ร่วมสมทบในกองทุนช่วยเหลือชาวนาพร้อมปิดโครงการกองทุนช่วยเหลือชาวนาจากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 31 ธ.ค. มาเป็นวันที่ 30 ก.ย. 2557

ผลการดำเนินงานของกองทุนช่วยเหลือชาวนามียอดบริจาคและสมทบรวม 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1. กองทุนช่วยเหลือชาวนา (เงินบริจาค) 30 ล้านบาท 2. เงินสมทบกองทุนช่วยเหลือชาวนา (แบบไม่มีผลตอบแทน) 916 ล้านบาท และเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือชาวนา (แบบมีผลตอบแทน 0.63%) 1.32 หมื่นล้านบาท

"ธ.ก.ส. ได้จัดทำหนังสือขอบคุณไปยังผู้ร่วมบริจาคพร้อมแจ้งเรื่องการจ่ายเงินคืนให้กับผู้เข้าร่วมสมทบเงินกับกองทุนที่ 2 และกองทุนที่ 3 แล้ว รวมทั้งได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝาก "ทุ่งรวงทอง" แทนคำขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือชาวนาในภาวะวิกฤติ ดอกเบี้ย 3% กำหนดระยะเวลารับฝาก 11 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.57-31 ส.ค.58 ซึ่งมีผู้บริจาคและสมทบทั้งหมด 1.5 หมื่นราย เชื่อว่าทั้งหมดจะร่วมฝากเงินต่อ"

ดันธงฟ้าลดค่าครองชีพ6.5ล้านคน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นงานด้านการลดภาระค่าครองชีพ เช่น การจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด ในพื้นที่ระดับอำเภอ โดยใช้ราคาสินค้าที่เหมาะสมเป็นตัวชี้นำ ทำให้ประชาชน 6.5 ล้านคน สามารถลดค่าครองชีพได้ คิดเป็นมูลค่า 950 ล้านบาท การจัดร้านจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป เป้าหมาย 5,000 แห่ง

ทั้งนี้ ผู้ที่ร่วมโครงการจะได้รับการประชาสัมพันธ์ร้าน โดยบริษัทน้ำมันพืชไทย จะจำหน่ายน้ำมันพืชมรกต ในราคาขวดละ (ลิตร) 33-36 บาท และจัดส่งให้ถึงร้านกรณีมีการซื้อครั้งละไม่ต่ำกว่า 1 ลัง บริษัทน้ำอัดลมจะตกแต่งร้านค้าให้น่าเข้าไปใช้บริการ สนับสนุนก๊าซหุงต้มราคาถูก กว่าราคาปัจจุบันกิโลกรัมละ 0.50 บาท หรือลดลงถังละ 7.50 บาท (ขนาด15 กก.) ทำให้ประหยัดได้เดือนละ 675 บาท ทำให้ผู้บริโภคสามารถลดค่าครองชีพและมีทางเลือกในการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จในราคาประหยัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นกลไกชี้นำราคาจำหน่ายของร้านอาหารทั่วไป

ส่วนการยกระดับราคาสินค้าเกษตร การลดต้นทุนการผลิตสำหรับสินค้าข้าวไร่ละ 110 บาท ดันราคาข้าวเพิ่มขึ้น ตันละ 100-200 บาท ผ่านมาตรการดึงซับพลายออกจากตลาด โดยให้โรงสีสต๊อกข้าวไว้และรัฐจ่ายชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้ 3% เป้าหมายสต็อกข้าว 2 ล้านตัน

Tags : กระทรวงการคลัง • กระตุ้นเศรษฐกิจ • สร้างงาน • สมหมาย ภาษี • รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ • ประชานิยม • ธงฟ้า