'พล.อ.ธนะศักดิ์' กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ย้ำ กองทัพออกมายึดอำนาจเพื่อรักษาความสงบของประเทศ ก่อนเกิดเหตุนองเลือด ยันรัฐบาลไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอาเซียนโกลบอล อิสชู เว็บไซต์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของตัวแทนรัฐบาลแต่ละประเทศ ในที่ประชุมสมัชชาประจำปียูเอ็น ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐ โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทำหน้าตัวแทนรัฐบาลไทยที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์สมัชชาใหญ่ยูเอ็นประจำปี ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ประจำปีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภายในประเทศไทย โดยย้ำถึงเหตุผลที่กองทัพออกมายึดอำนาจ เพื่อความสงบของบ้านเมืองที่ส่อเค้าจะเกิดความรุนแรง ซึ่งต้นตอมาจากปัญหาจากพรรคทางการเมือง การชุมนุมประท้วงตามท้องถนน โดยกล่าวอีกว่า ประชาธิปไตยเป็นอะไรที่มากกว่าการเลือกตั้ง พรรคการเมืองไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ประเทศเสี่ยงเกิดการนองเลือด กองทัพจึงเข้าแทรกแซง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม และทำการยึดอำนาจของรัฐบาลเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นและเดินหน้าแก้ไขปัญหา ปฏิรูปทางการเมือง และเมื่อเดือนที่แล้วสมาชิกสภานิติบัญญัติ ก็ได้มีมติโหวตให้ผู้บัญชาการทหารบกขึ้นทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไทย โดยมติเสียงเลือกของสมาชิกสภานิติบัญญัติก็เป็นเอกฉันท์ เพื่อแก้กองทัพเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการเวลาและพื้นที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและดำเนินการปฏิรูปทางการเมือง ย้ำเวที UN ไทยพร้อมร่วมอาเซียน global issue สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พูดระหว่างการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการพูดในเวทีนานาชาติครั้งแรก โดยย้ำว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการและส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อนำไปสู่การสร้างประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยเฉพาะการมีท่าทีร่วมกันของอาเซียนใน global issue ในกรอบ UN ที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคและการรับมือกับประเด็นข้ามชาติ อาทิ ปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังให้ความมั่นใจกับกลุ่มสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน ว่า ประเทศไทยเริ่มมีความมั่นคง ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น และนานาชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งไทยเองต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เข้มแข็ง และยั่งยืน รัฐบาลพยายามทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้ ตาม ROAD MAP ที่วางไว้ เพื่อวางรากฐานให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยอาจต้องปรับเปลี่ยนข้อกฎหมายโดยเฉพาะในเรื่องภาษี ศุลกากรต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอล เชื่อว่าไทยจะมีอนาคตที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้