บลจ.บัวหลวงคาดหุ้นไทยเดือน ต.ค. ส่อปรับฐาน 90-100 จุด หลังดัชนีวิ่งต่อเนื่องตั้งแต่ 1,200 จุด โดยไม่ได้พักฐาน นายพีรพงศ์ จีระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มว่าจะปรับฐานลงในเดือน ต.ค.นี้ ประมาณ 5-7% หรือประมาณ 90-100 จุด หลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ระดับดัชนี 1,200 จุดโดยไม่ได้พักฐานเลย ขณะเดียวกันในช่วงปลายปีจะมีการตรวจสอบสถานะธนาคารพาณิชย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และแถบยุโรป ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเช่นกัน ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในปี 2558 มีโอกาสแตะระดับ 1,700 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่คาดว่าจีดีพีจะเติบโต 4% เนื่องจากการใช้จ่ายของภาครัฐจะกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสมมติฐานเศรษฐกิจต่างประเทศจะต้องไม่มีอะไรมากระทบ หรือปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยมีการพึ่งพาการส่งออกอยู่ สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 ก.ย.) ปิดตลาดที่ 1,600.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 0.51% มูลค่าการซื้อขาย 44,642.07 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 354 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 162 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 121 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนภายในประเทศ 395 ล้านบาท "มองว่าเร็วๆ นี้คงต้องมีการพักฐานแรงๆ เพื่อรอให้กำไร บจ.ไตรมาส 3 เข้ามาซัพพอร์ตพื้นฐานที่ควรจะเป็น เพราะตอนนี้ระดับดัชนีกับพี/อี (ราคาต่อกำไรต่อหุ้น) ที่ 18 เท่า ถือว่ามันปริ่มๆ เต็มมูลค่าแล้ว” แนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์ประเมินว่า ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,570 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,607-1,620 จุด ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปีหน้า นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ปี 2558 คาดการณ์ดัชนีที่ 1,700 จุด และมีโอกาสที่ดัชนีจะทำจุดสูงสุดครั้งใหม่ที่ 1,760 จุด จากจุดสูงสุดเดิมที่ 1,754 จุด จากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และประเมินอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 12.5% มีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 110 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงคาดการณ์ดัชนีสิ้นปี 2557 ที่ระดับ 1,570 จุด ภายใต้สมมติฐานกำไรต่อหุ้นบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 98.1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการเติบโต 7.7% จากปีก่อนหน้า และระดับพีอีที่ 16 เท่า โดยในครึ่งปีแรกกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 4.1 แสนล้นบาท คิดเป็น 48% ของประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งปี จึงคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลัง กำไรบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโต 8% เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ทั้งปี กำไรเติบโตในระดับ 7.7% “ในต้นไตรมาส 4 ดัชนีจะมีการปรับฐาน อาจจะลงมาที่ระดับ 1,500 จุด กลางๆ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น การปรับฐานครั้งนี้เป็นเพราะดัชนีปรับตัวขึ้นมาโดยไม่ได้พักฐาน ส่วนปัจจัยเรื่องเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลออกไม่ค่อยกังวล การปรับฐานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากแรงขายต่างชาติ แต่เป็นไปได้ว่านักลงทุนในประเทศจะหวั่นไหวและเทขายมาเท่านั้น” นายเทิดศักดิ์กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ และการบริโภคในประเทศ อาทิ รับเหมาก่อสร้าง อาหาร ท่องเที่ยว สื่อสาร โดยหุ้นที่แนะนำได้แก่ TTCL SPTI ซึ่งราคาหุ้นยังคงต่ำกว่าพื้นฐาน AOT จะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว ADVAN INTUCH หุ้นปันผลดี ส่วน CPALL CPF TUF ต้องรอราคาย่อลงก่อนถึงจะเข้าลงทุนได้ เขากล่าวเพิ่มว่า กรณีที่ไม่มีการต่ออายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนแอลทีเอฟ จะทำเม็ดเงินลงทุนไหลออกไปสู่กองทุนระยะสั้นและสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 53 กอง มูลค่าประมาณ 2.44 แสนล้านบาท "หากไม่มีการต่อสิทธิทางภาษีของแอลทีเอฟ เงินที่มีอยู่ 2.44 แสนล้านบาท จะทยอยออกไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น ส่วนเม็ดเงินใหม่ๆ ที่จะเข้ามาก็จะไม่มีที่ให้ลง ก็คงจะไหลไปสู่พวกกองทุนระยะสั้น" ด้านนางสาววิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงิน กล่าวว่า การจัดพอร์ตลงทุนในปี 2558 ให้ลงทุนในหุ้น 15% อสังหาฯ 15% พันธบัตร-หุ้นกู้ 40% และตลาดเงิน 30% โดยคาดหวังผลตอบแทนรวมจากพอร์ตดังกล่าวที่ 5.5% พร้อมกันนี้แนะนำหุ้นกลุ่ม อาหาร วัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง และโลจิสติกส์ โดยจะได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจในประเทศ และการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน ขณะที่มองว่าหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,700 จุดได้ในปี 2558 เป็นไปตามปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจในประเทศ Tags : ตลาดหุ้น • พักฐาน