"ปฐมา จันทรักษ์" แถลงทิศทาง ไอบีเอ็ม ประเทศไทย เน้น AI และ Blockchain

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 8 พฤศจิกายน 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    แม้จะรับตำแหน่งได้เพียง 6 อาทิตย์ สำหรับคุณปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด และรองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นฐานดำเนินการหลัก แต่ความเคลื่อนไหวในระดับโลกของ ไอบีเอ็ม ถือได้ว่ามีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแถลงตัวเลขผลประกอบการที่ลดลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงข่าวใหญ่อย่าง ไอบีเอ็มเข้าซื้อ Redhat

    การมาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ของคุณปฐมา จึงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของบริษัทพอสมควร ซึ่งในวันนี้ทางบริษัทได้มีการแถลงข่าวและเปิดเผยวิสัยทัศน์กับสื่อมวลชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่ง Blognone ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังการแถลงในวันนี้ด้วย

    [​IMG]คุณปฐมา จันทรักษ์

    AI และ Blockchain คือทิศทางที่สำคัญที่สุด
    คุณปฐมาบอกว่า เธอเชื่อว่าสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดของไอบีเอ็ม อยู่ที่ระบบ Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งพัฒนามาอย่างยาวนาน และบริษัทเรียกว่า "Cognitive Computing" โดยมีแกนกลางอยู่ที่ระบบ IBM Watson นั่นเอง เนื่องจากในอนาคตบริษัทต่างๆ เอง ก็ต้องลงทุนในระบบเหล่านี้เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน (competitive advantage) และปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้บริการ IBM Watson อยู่มากถึง 16,000 ราย กว่า 80 ประเทศ ครอบคลุม 20 กลุ่มอุตสาหกรรม

    [​IMG]

    ในประเทศไทยเอง มีหลายบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี ทั้งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ธนาคารกสิกรไทย (ใช้ในการตรวจหาการโกงหรือฉ้อฉล) หรือ ปตท. (ใช้ในโรงแยกก๊าซที่ระยอง) และใช้ได้ผลดีอย่างยิ่ง

    อย่างไรก็ตาม คุณปฐมาเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือการรักษาสมดุล (balance) ระหว่างคนกับปัญญาประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และควรไปด้วยกัน ไม่แยกจากกัน

    [​IMG]

    นอกจาก AI แล้ว อีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เธอเชื่อว่าจะเข้ามาตอบโจทย์ได้ คือเรื่องของ Blockchain ซึ่งบริษัทมีการลงทุนและวิจัยไปเยอะมากในด้านนี้ หลายบริษัทเองก็มุ่งเข้าไปสู่ตลาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้บริษัทมีจุดแข็ง คือผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่รองรับกับเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงสายสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์มาอย่างยาวนาน อีกทั้งช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้จริง อย่างเช่น การตรวจสอบข้อมูล หรือติดตามสัญญาต่างๆ

    ในกรณีประเทศไทย ไอบีเอ็มเข้าไปร่วมมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain เพื่อใช้ในด้านต่างๆ เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือการสร้างระบบหนังสือค้ำประกันบน Blockchain เป็นต้น

    [​IMG]

    ยุทธศาสตร์ของ ไอบีเอ็มโดยภาพรวมจึงเป็นการรวมเอาโซลูชั่นและบริการต่างๆ เข้ากับความชำนาญเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดอาศัย IBM Cloud เป็นฐานสำคัญ ที่ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐาน ระบบ ซอฟต์แวร์ และการบริการของบริษัททั้งหมดเข้าด้วยกันนั่นเอง โดยยังคงเน้นเรื่องของความปลอดภัย และถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด

    ผมสอบถามว่า ในกรณีที่รวมกับ Red Hat แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้น ไอบีเอ็มจะได้อะไรบ้าง คุณปฐมาตอบว่า การรวมระหว่าง ไอบีเอ็มและ Red Hat ผลที่ออกมาคือบริษัทจะเป็นผู้นำในตลาด Hybrid Cloud ในทันที และนั่นจะตามมาด้วยโอกาสอีกมาก ซึ่งจะชัดเจนหลังการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น

    ประเทศไทยและอินโดจีน คือโฟกัสหลักในปีหน้า
    [​IMG]

    คุณปฐมาระบุว่า การกลับมาประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการกลับมาถาวร โดยขายบ้านที่สหรัฐอเมริกาไปแล้ว เหตุผลประการหนึ่งคือเรื่องของครอบครัวที่ต้องการกลับมาดูแล แต่อีกส่วนหนึ่งคือต้องการกลับมาผลักดันวงการเทคโนโลยีและทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาค ผ่านสองจุดที่สำคัญ คือการนำเอาโซลูชั่นระดับโลกของบริษัทเอาเข้ามาใช้ในประเทศ และการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอินโดจีนตอนเหนือ ที่ประกอบไปด้วย กัมพูชา ลาว และพม่า (ปกติจะต้องมีเวียดนามด้วย เรียกว่า CLMV แต่กรณีของไอบีเอ็ม เวียดนามมีการดูแลตลาดเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว)

    สำหรับประเทศไทย นอกจากจะเป็นการนำเอาโซลูชั่นทั้งหมดกลับมาผลักดันเข้าตลาด (ผมถามเรื่องของ Watson Health ในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มีเฉพาะโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คุณปฐมาก็ระบุว่าในอนาคตคงมีเพิ่มต่อเนื่องแน่นอน) แล้ว ยังเป็นเรื่องของการช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ให้เปลี่ยนผ่านไปสู่โลกดิจิทัลให้ได้ พร้อมกับส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคู่ค้า (partner) รายต่างๆ ของบริษัทไปด้วยกัน ทั้งหมดจะถูกสนับสนุนโดยการสร้างคนผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า PTECH

    [​IMG]

    PTECH (Pathway in Technology Early College High School) ถือเป็นโครงการสำคัญของบริษัท ซึ่งตอนนี้กำลังมีการคุยกับองค์กรบางแห่งอยู่ ในการผลักดันและคัดเลือกให้นักศึกษาซึ่งเข้าข่ายโครงการ และศึกษาในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM: Science, Technology, Engineering, Mathematics) ได้รับโอกาสใหม่ๆ โดยบริษัทจะให้ทั้งการสนับสนุนทางการเงิน อาชีพ และการแนะนำ (mentor) ซึ่งทำให้เด็กที่จบไป สามารถมีงานทำได้ทันที โดยบริษัทเรียกคนกลุ่มนี้ว่า P-collar และปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 50 คนในสหรัฐอเมริกา

    ความท้าทายอย่างหนึ่งคือในปัจจุบัน ลูกค้ามีตัวเลือกจำนวนมาก และเธอยอมรับว่า เป้าหมายคือการทำให้ไอบีเอ็ม เป็นตัวเลือกอันดับแรกของลูกค้านั่นเอง

    [​IMG]

    นอกจากประเทศไทยแล้ว คุณปฐมายังตั้งเป้าให้ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอินโดจีนตอนเหนือทั้งหมดด้วย สอดคล้องกับตำแหน่งรองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน ที่เธอถือไว้อีกตำแหน่งด้วย เพราะที่ผ่านมาประเทศเหล่านี้มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปใช้ แต่ยังไม่มีหน่วยงานหรือแผนกใดของบริษัทเข้าไปรับผิดชอบอย่างจริงจัง เช่น ไอบีเอ็มที่สิงคโปร์ เข้าไปขายโซลูชั่นในพม่า เป็นต้น นี่จึงเป็นการจัดระบบและโครงสร้างองค์กรใหม่ ซึ่งหวังว่าจะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นได้ และแปลงให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในที่สุด

    โดยตอนนี้ บริษัทเริ่มศึกษาตลาดประเทศเหล่านี้ และคาดว่าจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดของบริษัทตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จะขึ้นกับตลาดเหล่านี้ประกอบด้วย

    Topics: IBMThailand
     

แบ่งปันหน้านี้