ไทยพาณิชย์ ลุ้นเศรษฐกิจปีหน้าฟื้น ดันสินเชื่อทั้งระบบเติบโต 6-9% พร้อมปรับกลยุทธ์หันเน้น เอสเอ็มอี “ไทยพาณิชย์” ลุ้นเศรษฐกิจปีหน้าฟื้น ดันสินเชื่อทั้งระบบเติบโต 6-9% “กรรณิกา” หวังโตเท่าตลาด หลัง 8 เดือนสินเชื่อยังหดตัว 0.99% หันเน้นลดค่าใช้จ่ายหนุนกำไรโตได้ตามเป้า พร้อมปรับกลยุทธ์หันเน้น “เอสเอ็มอี” มองสินเชื่อรายย่อยเริ่มฟื้น ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังชะลอตัวตามตลาดรถยนต์ นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่า การขยายสินเชื่อของธนาคารแทบไม่มีการเติบโต แต่ธนาคารไม่ได้ให้ความสำคัญกับเป้าหมายสินเชื่อมากนัก โดยจะหันไปมุ่งเน้นการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงระดับการทำกำไรทำให้ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมายังมีกำไรสุทธิในระดับที่ดีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ระดับ 5% อย่างไรก็ตามธนาคารมองว่าแนวโน้มการขยายสินเชื่อในปี 2558 มีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ที่แทบไม่มีการขยายตัว โดยธนาคารคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบในปีหน้าจะขยายตัวอยู่ที่ 6-9% เป็นไปตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีการผลักดันโครงการลงทุนต่าง ๆ ออกมา ทำให้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 4-5% นางกรรณิกา กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการประเมินทิศทางการขยายสินเชื่อในปีหน้า แต่ยุทธศาสตร์ของธนาคารจะไม่เน้นการเติบโตในระดับสูงกว่าระบบเหมือนในอดีต โดยจะเติบโตในระดับเดียวกันกับระบบ ทั้งนี้ธนาคารจะหันไปมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่จะฟื้นตัวได้เร็วตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นและการขยายตัวของภูมิภาคอีกด้วย ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยเริ่มเห็นความต้องการฟื้นตัวกลับมาโดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อที่ยังชะลอตัว ตามตลาดรถยนต์ แต่ในขณะนี้สถานการณ์เริ่มนิ่ง โดยราคารถเริ่มทรงตัวจากที่ปรับลดลงมาก่อนหน้านี้และเอ็นพีแอลเริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัวเช่นกัน “ในช่วงที่เหลือของปีก็ยังมีสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติไว้และรอเบิกจ่ายอยู่ แต่ปีนี้เราคงไม่ให้ความสำคัญกับการขยายสินเชื่อมากนัก เพราะปีนี้ยุทธศาสตร์ของเราคือการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ยังรักษาการลงทุนที่จำเป็นไว้เพื่อให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ส่วนปีหน้าการขยายสินเชื่อน่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง แต่คงไม่ถึงกับโตในระดับ 2 หลัก โดยจะต้องดูภาวะตลาดเป็นหลัก เพราะในหน้าเราจะเติบโตตามสภาพตลาด” อย่างไรก็ตามวานนี้ (24 ก.ย.) ธนาคารได้ลงนามในการสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 3,000 ล้านบาทให้กับ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงรับจำนำอีซี่ มันนี่ (Easy Money) เพื่อต่อยอดธุรกิจและขยายเครือข่ายสาขาในอนาคต ทั้งนี้จากการรายงานรายการย่อแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน ของธนาคารไทยพาณิชย์สิ้นสุดเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบกว่ามีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิอยู่ที่ 1,652,420 ล้านบาท ลดลง 0.99% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2556 ที่มี 1,669,017 ล้านบาท ขณะที่เงินรับฝากอยู่ที่ 1,821,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.06%เมื่อเทียบสิ้นปี 2556 ที่มี 1,820,728 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 27,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 25,760 ล้านบาท ด้าน นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) แต่อาจจะต้องปรับมาเลือกลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดี และเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม ส่วนในระยะยาวเอฟดีไออาจจะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกต่อไป เนื่องจากแรงงานไทยมีแนวโน้มลดลง อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพต่อการผลิตที่ต่ำ “สำหรับในระยะยาว เอฟดีไออาจจะไม่ใช่คำตอบของประเทศอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากอีก 2-3 ปีข้างหน้า แรงงานไทยมีแนวลดลง อีกทั้งประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานไทยค่อนข้างต่ำ คืออยู่ที่ประมาณ 1 คนต่อ 1 ชิ้นต่อวัน หากเทียบกับประเทศอื่นๆ อาทิ สหรัฐฯ จะอยู่ที่ 1 คนต่อ 8 ชิ้นต่อวัน ญี่ปุ่นอยู่ที่ 1 คนต่อ 5 ชิ้นต่อวัน มาเลเซียอยู่ที่ 1 คนต่อ 2 ชิ้นต่อวัน” นางสุทธาภา กล่าว นางสุทธาภา กล่าวต่อว่า ในปี 2558 จีดีพีของไทยน่าจะเติบโตประมาณ 4.8% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.6% โดยปัจจัยหลัก คือ การลงทุนของภาครัฐใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ซึ่งจะช่วยผลักดันจีดีพีได้ประมาณ 1% และงบประมาณประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท จากเงินกู้ 2.4 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาลงทุน แต่ในส่วนนี้จะยังไม่เห็นตัวเลขที่เติบโตชัดเจนนัก สำหรับภาคเอกชน จะยังไม่เห็นการเติบโตที่ชัดเจนเพราะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัว จากการขอสินเชื่อที่ลดลง และการควบคุมปริมาณการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ด้านปัจจัยเสี่ยงของการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ความผันผวนทางด้านการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะสิ้นสุดมาตรการคิวอี และเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนทางด้านธนาคารกลางของจีน มีแนวโน้มที่จะเริ่มใช้มาตรการคิวอี หลังจากก่อนหน้านี้ไม่ประสบความสำเร็จจากการขายพันธบัตรรัฐบาล หรือธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังคงมาตรการคิวอีต่อไป ทั้งนี้จะทำให้การไหลของเงินทุนมีความผันผวนเป็นอย่างมาก และทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากยิ่งขึ้น” นางสุทธาภา กล่าว ในส่วนของการส่งออกในปี 2558 น่าจะเติบโตประมาณ 4% เนื่องจากการส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวมาอยู่ในระดับเดิม ส่วนในปีนี้ประเมินการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 1.1% โดยปัญหาสำคัญที่ผ่านมา คือ การผลิตสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ประกอบกับกำลังซื้อในต่างประเทศหดตัวไป อาทิ ในออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย รวมไปราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำ และจะยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไปถึงปี 2558 Tags : ไทยพาณิชย์ • เอฟดีไอ • เอสเอ็มอี • กรรณิกา ชลิตอาภรณ์