ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง 'ฉัตรพงศ์' นั่ง ผอ.สำนักข่าวกรอง, 'อำพน' เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อีก 1 ปี ขณะที่ 7 ต.ค. เตรียมถกร่วม คสช. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุม มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดย นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีการต่ออายุราชการอีก 1 ปี มีผล 1 ตุลาคม 2557 - 30 กันยายน 2558 ทั้งนี้ ที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณาตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. แต่อย่างใด ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า เลื่อนจากวันที่ 30 กันยายน เป็นวันที่ 1 ตุลาคม นี้ เนื่องจาก นายกรัฐมนตรี มีพิธีส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ขณะเดียวกันในวันที่ 7 ตุลาคม จะเป็นการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี และ คสช. นัดแรก ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี และจากนี้จะมีการประชุมร่วมกันเดือนละหนึ่งครั้ง ครม.แต่งตั้งขรก.ระดับสูง-อาคมนั่งเลขาฯสศช. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่า ที่ประชุมมีมติในการต่ออายุราชการของ นายอําพน กิตติอําพน เลขาธิการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปอีก 1 ปี หลังครบวาระ 4 ปี นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง โดยแต่งตั้ง นางอรรชกา ศรีบุญเรือง ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายนคร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงปลังงาน นางอัมพวัน พิชาลัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน และ นายกฤษฎา อุทยานิน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ครม.รับทราบกรอบงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับกรอบและงบประมาณของทางรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2558 โดยคาดว่า รัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง จะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2 ล้านล้านบาท และมีรายจ่ายอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบวงเงินในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 1.39 ล้านล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 650,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้เจ้ากระทรวงต้นสังกัด กำกับดูแลการเบิกจ่ายและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของกรอบวงเงินที่อนุมัติ และต้องรายงานให้ทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทราบทุกวันที่ 5 ของเดือน รวมทั้งมีการรวบรวมข้อเสนอ และความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการลงทุนในทุกๆ ไตรมาสด้วย ส่วนกรณีการจะยกเลิกรัฐวิสาหกิจบางแห่งนั้นให้ต้นกระทรวงเจ้าสังกัดเป็นผู้พิจารณา