"เอ็มบีเค"ลงทุนธุรกิจใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงรายได้ รับสนใจลงทุนธุรกิจการศึกษาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย จากการสำรวจบริษัทจดทะเบียนเข้าไปลงทุนถือหุ้นในสถานศึกษาหลายแห่ง ได้แก่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BGHได้ถือหุ้นมหาวิทยาลัยรังสิต โดยผ่านบริษัท ประสิทธิรัตน์ ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตสถานศึกษา บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) DST ถือหุ้นวิทยาลัยดุสิตธานี ผ่านบริษัท ดุสิตปริ๊นเซส ผู้รับใบอนุญาต บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) NMG ถือหุ้นมหาวิทยาลัยเนชั่นผ่านบริษัท เนชั่นยู ผู้รับใบอนุญาต บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) ถือหุ้น สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ขณะที่บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WORLD มีการลงทุนในมหาวิทยาลัย เวสเทิร์น ผ่านบริษัทกาญจนบุรีการศึกษา นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค ให้สัมภาษณ์พิเศษกับกรุงเทพธุรกิจว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดสัดส่วนรายได้จากศูนย์การค้า และโรงแรม เพื่อกระจายความเสี่ยง หลังจากที่ผ่านมา บริษัทพึ่งพาเฉพาะรายได้ที่มาจากธุรกิจที่อิงกับการท่องเที่ยวสูง ทำให้ราย ได้และกำไรมีความผันผวน ทั้งนี้งวดครึ่งแรกของปีนี้มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจศูนย์การค้า 40% โรงแรม รองลงมาเป็นธุรกิจอาหาร 20% ธุรกิจโรงแรม 12% ธุรกิจการเงิน เช่นเงินปันผลรับ และสินเชื่อจักรยานยนต์ 15% อื่นๆ 10% "เราอยากลดสัดส่วนรายได้ศูนย์การค้าลง อยากกระจายความเสี่ยงให้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้อื่นๆ ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจพึ่งพาท่องเที่ยวมากเกินไป ทำให้เมื่อเศรษฐกิจซบเซา การท่องเที่ยวก็ชะลอก็ได้รับผลกระทบโดยตรง" กรรมการผู้อำนวยการบอกว่า บริษัทมีแผนจะหาช่องทางการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม และตอนนี้มีความสนใจจะร่วมลงทุนในธุรกิจการศึกษา เช่นโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย เนื่องจากมองว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นพื้นฐานทางสังคมและมีแนวโน้มดี ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษาความเหมาะสม และ จะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทได้อย่างไรบ้าง ปัจจุบัน บริษัทเอ็มบีเค มีธุรกิจที่หลากหลาย แต่เสาหลักยังคงเป็นธุรกิจ ศูนย์การค้า ซึ่งการลงทุน มีทั้งลงทุนโดยตรง และถือหุ้นผ่านบริษัทสยามพิวรรธน์ 30%ซึ่งแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าจะมีการปรับปรุงภายในศูนย์อย่างจริงจัง หลังจากที่มีการต่อสัญญาเช่าที่กับจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเรียบร้อย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการกลางปีหน้าและเป็นการพัฒนาแบบทยอยทำ โดยเฉพาะจะกลับไปทบทวนแผนทำทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้า(สกายวอล์ค) อย่างไรก็ตามไม่มีแผนที่จะสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่จะไปเน้นประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ เช่น ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์คร่วมกับบริษัท สยามพิวรรธ์ถือหุ้นละ 50% หลังจากที่เทคโอเวอร์มาก็เริ่มมีการปรับปรุง แต่แผนการตลาดยังไม่เข้าเป้า แต่ตั้งแต่กลางปีนี้ก็ดีขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลา ขณะเดียวกันก็ได้ร่วมทุนกับบริษัท อิโตคิว สร้างดีพาร์ทเม้นสโตร์ ส่วนศูนย์การค้าฮาฮา บนถนนศรีนครินทร์ จะเป็นศูนย์ขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะเป็น โรงเรียนสอนพิเศษ และที่เหลือเป็นส่วนพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะเปิดต.ค.นี้ "สถานการณ์โดยรวมของกำลังซื้อนั้น ปัจจุบันหลังจากทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น ก็พอมีความหวังว่าธุรกิจก็น่าจะฟื้นตัวตาม ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่กำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะในเดือนส.ค.จะเห็นชัดเจน ดังนั้นหวังว่ารัฐบาลจะนิ่ง แต่ที่ผ่านมานโยบายยังไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ.เท่าไร หวังว่าเวลามาดูเศรษฐกิจบ้าง แต่ถ้าผ่านไป 1 ปีก็คงต้องรอดูหน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร อย่างน้อย ก็คาดหวังการจัดระเบียบแล้ว น่าจะดีขึ้นกว่า 1-2 ปีที่แล้ว" สุเวทย์กล่าว หวังดันรายได้อสังหาฯเพิ่ม ขณะที่ภายในสิ้นปีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเริ่มมีรายได้เข้ามา คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 7% และมีเป้าหมายที่จะขยับขึ้นไปให้ถึง 12% โดยการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง และอนาคตบริษัทคาดหวังจะผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจนเป็นรายได้หลักอีก 1 ธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมที่จะพัฒนา เพราะมีที่ดินบริเวณรอบสนามกอล์ฟหลายแห่ง โดยเฉพาะในจ.ภูเภ็ต มีที่ดินพร้อมพัฒนาเพื่อขายถึง 400-600 ไร่ รวมทั้งมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอต่อการพัฒนาโครงการ โดยมีกระแสเงินสดปีละ 3 พันล้านบาท สัดส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 0.5 เท่า รับปีนี้กำไรลดไม่เกิน5% สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ภาพรวมทั้งปีน่าจะดีขึ้น หากดูที่รายได้จากการดำเนินงานจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว แต่กำไรอาจจะชะลอลง เพราะปีก่อนมีรายได้พิเศษ และปีที่แล้วจ่ายค่าเช่าจุฬาปีนี้สูงกว่าปีก่อน รวมทั้งปีนี้มีเหตุการณ์สำคัญคือการปรับลดค่าเช่าให้หลังจากต้นปีการ เมืองมีปัญหา แต่คาดว่ารายได้จากการดำเนินงาน จะโตประมาณ 5%จากปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานจะลดลงไม่ต่ำกว่า5% และปีนี้คาดว่าจะมีกำไรจากรายการพิเศษจากการขายที่ดินและขายหุ้นเนชั่น "กำไรส่วนใหญ่มาจากธุรกิจศูนย์การค้ามากกว่า อัตรากำไรจากธุรกิจศูนย์การค้าอยู่ที่ 70% โรงแรม อัตรากำไรอยู่ที่ 3% ขณะที่ธุรกิจข้าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างแย่เพราะรัฐบาลชุดก่อนมีการประกันราคาข้าว แต่จากนี้ไปน่าจะดีขึ้น อัตรากำไรจากข้าว 5% ธุรกิจการเงิน 25-26%" พอร์ตลงทุนให้ยีลด์ 8-10% สุเวทย์เล่าให้ฟังถึง นโยบายการบริหารพอร์ตลงทุนในหุ้นของบริษัทเอ็มบีเค ว่า บริษัทมีมูลค่าพอร์ตลงทุนรวม 6 พันล้านบาท นโยบายจะเน้นหุ้นที่เกี่ยวโยงกับธุรกิจหลัก ปัจจุบันมีการลงทุนในหุ้นเงินทุนธนชาต 10% โรงแรมรอยัล ออคิด (ROH) 30%โรงแรมดุสิตธานี 10% และอื่นๆ ซึ่งการ ลงทุนมีทั้งพอร์ตลงทุนระยะสั้น และระยะยาว โดยมีเป้าหมายอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8-10%และบริษัทสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ กรรมการผู้อำนวยการกล่าวทิ้งท้ายว่า แผนระยะยาว 3-5 ปี บริษัทจะยังมีการลงทุนจะสม่ำเสมอ แต่ไม่หวือหวาโดยอยากจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ มองว่ามีศักยภาพการเติบโต อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องบริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราเท่าเดิม Tags : สุเวทย์ ธีรวชิรกุล • เอ็มบีเค • ลงทุน • ธุรกิ • มหาวิทยาลัย