ผู้ค้าทอง แนวโน้มทองขาลง เหตุเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ราคาร่วงแตะต่ำสุดรอบ 8 เดือนครึ่ง เตือนลงทุน'เสียง'ช่วงขาลง นักวิเคราะห์จับตา ร่วงหลุด 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้าน"จิตติ"เตือนลงทุนเสี่ยง จากแนวโน้มขาลง ขณะ"ทองตู้แดง"เงียบเหงา นักลงทุนคาดราคาลงต่อเนื่อง ราคาทองทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนครึ่ง ในการซื้อขายตลาดเอเชียวานนี้ (19 ก.ย.) โดยมีแนวโน้มว่าจะร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 จากความวิตกที่ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ และเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น นักลงทุนอาจจะลดความน่าสนใจทองคำ ราคาทองในตลาดสปอตเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,223 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแนวโน้มว่าราคาจะปรับตัวลง 0.3% ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ราคาร่วงลงสู่ระดับ 1,216.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. ก่อนที่จะฟื้นตัวเล็กน้อยมาปิดบวก 0.2% การเคลื่อนไหวราคาทองตลาดโลก ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนของทองในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ราคาทองเคลื่อนตัวใกล้ระดับแนวรับทางเทคนิคที่ใกล้จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และการร่วงทะลุระดับดังกล่าว อาจจะทำให้ราคาดิ่งกลับลงไปที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สมาคมผู้ค้าทองคำประกาศราคาวานนี้ (19 ก.ย.) ราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง 18,600 บาทต่อบาททองคำ และขาย 18,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 18,328.44 บาทต่อบาททองคำ และขาย 19,100 บาทต่อบาททองคำ โดยปรับลดลงจากวันก่อน 50 บาทต่อบาททองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่าแนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีโอกาสจะปรับตัวลงแรงได้ จากแรงกดดันการปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ ส่งผลให้ราคาทองคำอาจปรับตัวลงไปทดสอบที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ "ราคาทองคำจากนี้จนถึงสิ้นปี ผมยังให้น้ำหนักเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐเป็นประเด็นสำคัญ นักวิเคราะห์ทั่วโลกมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ จะส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ส่งผลกระทบต่อราคาทองขยับตัวรุนแรง และทำให้ทองคำมีโอกาสทดสอบแนวรับที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้" ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากสหรัฐส่งสัญญาณออกมารุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อาทิ เฟดอาจเริ่มมีแนวคิดจะดึงสภาพคล่องออกจากระบบ หรือมีมาตรการป้องกันการเก็งกำไรของสถาบันการเงิน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาทองคำ ให้ปรับตัวลดลงแตะ 1,100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ได้ แต่สุดท้ายราคาทองจะปรับตัวลดลงได้ไม่มากนัก เพราะมีต้นทุนเหมืองทองคำเป็นตัวพยุงราคาอยู่ สำหรับ ตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ความนิยมยังอยู่ในระดับต่ำลง หากเทียบกับช่วงที่ราคาทองอยู่ในช่วงขาขึ้น เหตุเพราะการลง ทุนในตลาดทีเฟ็กซ์ในช่วงราคาทองปรับตัวลดลงจะมีความเสี่ยงและไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน "ผมมองว่าหากราคาทองสามารถพลิกฟื้นเหนือ 1,400 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ได้ จะหนุนให้ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง" สำหรับคำแนะนำผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำ ต้องการให้นักลงทุนทยอยสะสมทองคำ เพราะปัจจุบันยังถือว่า อยู่ในระดับต่ำ ส่วนการเก็งกำไรในระยะสั้นยังสามารถทำได้ โดยให้นักลงทุนรอซื้อในช่วงราคาทองปรับตัวลดลงแรง และหาจังหวะขายทำกำไร "จิตติ"รับช่วงนี้ลงทุนทองเสี่ยงสูง นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่ากรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ อยู่ที่ 1,180-1,400 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยแนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาลง และมีความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างมาก เพราะความเคลื่อนไหวของราคา กับปัจจัยที่เข้ามากระทบ มีทิศทางตรงข้ามกัน "ตอนนี้ผมเห็นแต่ปัจจัยบวกกับราคาทองคำ ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป ความขัดแย้งในยูเครนและอีกหลายประเทศ แม้หลายคนมองว่าจะมีภาวการณ์กดดันจากมาตรการคิวอีที่จะหายไป และดอกเบี้ยของสหรัฐจะเป็นขาขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ตลาดรับทราบหมดแล้ว ดังนั้นราคาทองที่ลดลงน่าจะเกิดจากกองทุนที่เข้ามาเก็งกำไร ทำให้การลงทุนทองคำยอมรับเลยว่าน่ากังวล" ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ราคาทองคำจะไม่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1,180 ดอลลาร์ เพราะมีต้นทุนหน้าเหมืองที่ค้ำราคาไว้อยู่ ส่วนราคาทองคำในประเทศ ผมยังมองว่าโอกาสที่ 18,500 บาทต่อบาททองคำ เป็นราคาที่ต่ำที่สุดซึ่งคำแนะนำนักลงทุนนั้นหากมีทองคำที่ถืออยู่เดิมไม่ควรจะซื้อเฉลี่ย เพราะราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาลงอยู่ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีทองคำสามารถเข้าซื้อลงทุนได้ แต่ต้องเป็นผู้ที่ลงทุนระยะยาว ร้านทองเงียบ-คนซื้อคาดร่วงต่อ ส่วนความเคลื่อนไหวของการซื้อขายทองคำหน้าร้านหรือทองตู้แดง ยอมรับว่า หลังจากราคาทองคำปรับตัวลดลงมาต่ำกว่า 19,000 บาทต่อบาททองคำ ทำให้กำลังซื้อทองคำหายไป สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนทางกับในอดีตที่ราคาทองปรับตัวลดลงจะมีผู้ที่เข้ามาซื้อทองคำ เพราะนักลงทุนกังวลว่าหากซื้อทองคำในช่วงนี้อาจขาดทุนเพราะแนวโน้มราคาทองคำยังลงต่อเนื่อง แม้ราคาทองคำจะปรับลดลง แต่ไม่กระทบต่อต้นทุนร้านค้าทองคำ เพราะมีการบริหารทองคำในรูปแบบน้ำหนักทองคำ โดยจะซื้อทองเข้ามาเพิ่มเท่ากับจำนวนที่ขายออกไปเท่านั้น จึงไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับความคืบหน้าการตั้งโกลด์เอ็กเชนจ์ในประเทศไทยนั้น อยู่ระหว่างการร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อตั้งคณะทำงานศึกษาความคุ้มค่าของการจัดตั้งตลาดขึ้น เนื่องจากราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอาจส่งผลกระทบการซื้อขายที่ไม่คึกคัก หากต้องมีการลงทุนระบบไอทีเพื่อรองรับการซื้อขายอาจไม่คุ้มค่ากับเงินลงทุน โดยคาดว่าข้อสรุปในต้นปีหน้า หวั่นทองดิ่งหลุดระดับ 1,000 ดอลลาร์ ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า จากการศึกษารูปแบบราคาในอดีตเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการซื้อขายนั้น การร่วงทะลุแนวรับที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.2556 ที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจทำให้ราคาร่วงลงแตะตัวเลขสามหลักในปีหน้าที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยเส้นแนวรับปรับลดลงสู่ระดับ 1,150 ดอลลาร์อยู่ที่ 61.8% ของระดับ Fibonacci retracement ของการดีดตัวขึ้นของราคาทองจากระดับต่ำสุดในปี 2551 ถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,920.30 ดอลลาร์ในปี 2554 "แรงกดดันอยู่ในช่วงขาลงมากว่า 2 ปีแล้ว ถ้าคุณอยู่ในกองทุนทอง หรือคนที่ชอบคิดว่าราคาทองจะอยู่ในช่วงขาขึ้นไปตลอดคุณจะอยู่ตรงนั้นไม่ได้" นายนิโคล เอลเลียต นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก ForexTrading.Tv กล่าว ราคาทองดิ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดิ่งแตะระดับต่ำสุดที่ 1,225.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองมีความเสี่ยงมาก นับตั้งแต่ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในปีที่แล้ว ราคาทองพุ่งขึ้นหลายครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคระบุว่า เป็นรูปแบบในเชิงลบ และการเคลื่อนตัวออกจากรูปแบบสามเหลี่ยมที่ก่อตัวมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว บ่งชี้ว่า ราคาทองจะร่วงลงอีก ถ้าราคาทองร่วงลงทะลุระดับแนวรับในช่วง 1,200-1,150 ดอลลาร์ จะเสี่ยงต่อการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งราคาทองทรุดลง 200 ดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 2 วัน หลังจากที่ร่วงทะลุแนวรับระยะยาวที่ระดับ 1,525 ดอลลาร์ "ราคาทองมีความเสี่ยงมาก อาจจะเห็นราคาลงไปแตะ 1,180 ดอลลาร์ และราคาทองจะร่วงต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ภายใน 1 วัน ดังนั้นสิ่งที่ทองไว้ในปีที่แล้ว ที่คาดว่า ราคาจะยืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ ไม่เป็นเช่นนั้น" นายแกร์รี เซลายา ประธานบริษัทร็อดทาวเวอร์ แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ กล่าว นายเซลายา กล่าวด้วยว่า "เมื่อราคาร่วงต่ำกว่า 1,180 ดอลลาร์ เราก็อาจจะเห็นราคาลงไปที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ภายใน 4 สัปดาห์" คาดจะทดสอบที่ระดับ 1,180 ดอลล์ นายอะเซล รูดอล์ฟ นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์กล่าวว่า ราคาทองฟื้นตัวขึ้นบ้างจากที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดีดตัวขึ้นกลับขึ้นมาใกล้ระดับ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เป็นเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนราคาจะร่วงลงอีกครั้ง โดยก่อนสิ้นปีราคาจะลงมาที่ 1,190-1,180 ดอลลาร์ จากนั้นราคาจะดีดตัวขึ้น และภายในไตรมาสแรกของปีหน้าที่ราคาจะแตะระดับ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี นายรูดอล์ฟเชื่อว่า จากมุมมองปัจจัยทางเทคนิค ทองจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากทดสอบระดับ 1,000 ดอลลาร์ แต่สำหรับนักลงทุนทองหลายคน การร่วงลงดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นอีกรอบ หลังจากที่ราคาดิ่งลง 28% ในปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค คาดว่า ราคาทองจะทดสอบระดับ 1,180 ดอลลาร์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า และราคาจะดิ่งแตะระดับ 1,000 ดอลลาร์ภายในช่วงต้นปีหน้า การเคลื่อนไหวของราคาทองหลังจากร่วงทะลุระดับแนวรับสำคัญทางเทคนิค สามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับในปีที่แล้ว Tags : ทองคำ • กมลธัญ พรไพศาลวิจิต • จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี • นักวิเคราะห์