เตือนนักลงทุนซื้อหุ้นพีอีสูงเสี่ยงติดดอย สมาคมโบรกเกอร์ รับลูกตลาด พร้อมให้ข้อมูลเส้นทางซื้อขายหุ้นผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ ถกสมาคมโบรกเกอร์ หาแนวทางสกัดหุ้นร้อน หลังมาตรการที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ โบรกเกอร์ห่วงหุ้นร้อนทำตลาดไม่ยั่งยืน เตือนนักลงทุน ซื้อหุ้นพีอี 70 เท่าใช้เวลา 70 ปีคืนทุน พร้อมรับลูกตลาดขอข้อมูลเส้นทางการซื้อขายหุ้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แม้พยายามที่จะออกมาตรการเข้มข้นต่างๆ มาสกัดความร้อนแรงในการซื้อขายหุ้นขนาดเล็กตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่มาตรการต่างๆ ที่ใช้อยู่ ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการซื้อขายที่ร้อนแรงของหุ้นกลุ่มนี้ได้นั้น นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า วานนี้ (19 ก.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เชิญสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ เข้ามาหารือถึงการกำหนดมาตรการ รับมือกับหุ้นที่มีการซื้อขายร้อนแรงสูง โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ไปร่วมกันหาแนวทาง ก่อนจะนำกลับมาเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง "ปกติตลาดหลักทรัพย์ จะมีการพูดคุยกับบริษัทหลักทรัพย์ เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ในการประชุมครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ ขอให้บริษัทหลักทรัพย์ร่วมกันหาแนวทาง ป้องกันการเก็งกำไรในหุ้นที่มีความผิดปกติ และนำมาเสนอกับตลาดหลักทรัพย์" โดยมาตรการดูแลในปัจจุบันทั้ง ซิลลิ่ง-ฟลอร์ เทรดดิ้งอะเลิร์ท เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ และแคชบาลานซ์ กำกับดูแลหุ้นร้อนแรงได้ดีระดับหนึ่ง และก.ล.ต. ก็กำกับดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรงได้ดี ส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ หากตลาดหลักทรัพย์ พบว่าหุ้น ไหนมีความร้อนแรง ก็จะขอข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบการซื้อขายว่าผิดปกติหรือไม่ แต่ความร้อนแรงยังไม่ได้หายไป เมื่อตลาดหลักทรัพย์ ได้ขอให้บริษัทจดทะเบียนชี้แจ้งถึงราคาหุ้นที่ผิดปกติ ราคาหุ้นก็ยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ จึงมีความจำเป็นต้องออกมาตรการมาดูแลเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ได้พูดคุยเป็นการภายในถึงประเด็นนี้เช่นกัน โดยโบรกเกอร์ก็ห่วงภาวะซื้อขายที่เก็งกำไรมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไม่มีเสถียรภาพ จึงต้องการเห็นตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพที่ดี และมีความยั่งยืน หลังจากนี้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ จะหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อกำหนดแนวทางและเสนอกับตลาดหลักทรัพย์ต่อไป สำหรับการซื้อขายในหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงนั้น สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ต้องการให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน เพราะหุ้นขนาดเล็ก มีการเก็งกำไรสูง ระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) สูงแตะระดับ 70 เท่า ซึ่งต้องใช้เวลา 70 ปี ถึงจะคืนทุน ส่วนความเคลื่อนไหวของหุ้นที่เข้าทำการซื้อขายครั้งแรก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงนั้น สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ มองว่า เกิดจากการปรับลดราคาหุ้นไอพีโอ ซึ่งเป็นการให้ส่วนลดกับนักลงทุนตามปกติ 20-30% ประกอบกับการภาวการณ์ตลาดหุ้นที่ร้อนแรง ทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวยอมรับว่า อาจต้องมีการเพิ่มมาตรการเข้ามาดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรงมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะใช้มาตรการอะไร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมอยู่ ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ ได้ร่วมทำงานกับก.ล.ต. อย่างใกล้ชิด ส่วนของตลาดหลักทรัพย์ หากพบการซื้อขายที่ผิดปกติ จะขอข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อทำการตรวจสอบการซื้อขาย ซึ่งจากการเฝ้าระวังพบว่า หุ้นขนาดเล็กที่มีสภาพคล่องน้อย จะปรับตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าปกติ สำหรับหุ้นที่มีปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) ปิดการซื้อขายที่ 8.40 บาท ลดลง 30% บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 0.03 บาท ลดลง 25% บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) ปิดการซื้อขายที่ 11.30 บาท ลดลง 9.60% บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) ปิดการซื้อขายที่ 2.32 บาท ปรับตัวลด 8.66% บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) ปิดการซื้อขายที่ 3.48 บาท ลดลง 7.94% Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • โบรกเกอร์ • ก.ล.ต. • หุ้นร้อน • ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ