สศค.เสนอ9โครงการจ้างงานต่อนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว คาดเม็ดเงินช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นกว่า 1.5 หมื่นบาท นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานจำนวน 9 โครงการไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คาดว่า จะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในเร็วๆ นี้ ใน 9 โครงการจ้างงานดังกล่าวประเมินว่า จะต้องใช้เม็ดเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในการดำเนินการ "เราประเมินว่า เงินที่จะนำมาใช้ใน 9 โครงการนี้ จะมีจำนวนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แม้จะไม่มาก แต่มีผลดี คือ ทำให้คนที่ว่างงาน คนในชนบทมีงานทำมากขึ้นและเมื่อรวมกับโครงการอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังจะทำทั้งโครงการช่วยเหลือคนจน และเกษตรกรที่นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมจะใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาทมาใช้น่าจะช่วยดูแลเศรษฐกิจไตรมาส 4 ฟื้นตัวขึ้นได้ และสศค.คาดหวังว่าเศรษฐกิจปีนี้จะสามารถโต 2%" เขากล่าว ขณะนี้ สศค.ต้องติดตามการส่งออกอย่างใกล้ชิด หากเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ตัวเลขการส่งออกจะต้องขยายตัวให้ได้ตามเป้าหมายที่ 1.5% แต่ล่าสุดจากที่ติดตามตัวเลขมีแนวโน้มลดต่ำกว่าเป้าหมาย แต่หากเม็ดเงินที่รัฐบาลจะนำมาใช้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจทันที 1 ต.ค.นั้น น่าจะมาช่วยชดเชยการส่งออกที่จะไม่ถึงเป้าหมายได้ ทั้งนี้ โครงการของกระทรวงการคลังที่เสนอเกี่ยวกับสร้างฐานข้อมูลการคลังท้องถิ่น ซึ่งจะจ้างนักศึกษาหรือคนว่างงานมาช่วยเก็บข้อมูลของการคลังท้องถิ่น จากตรงนี้ไม่เคยมีข้อมูลตรงนี้เลย ซึ่งการไปเก็บข้อมูลจะมีแบบฟอร์มที่จะกลุ่มคนเหล่านั้นไปเก็บข้อมูลจากคลังท้องถิ่น 7,000 แห่ง นำมารายงานต่อคลังจังหวัด ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้นจะมีประโยชน์มากต่อการนำมาวางนโยบายด้านการเงินการคลัง และการบริหารท้องถิ่นของรัฐบาล ส่วนแนวคิดของนายสมหมายที่จะให้โอนเงินให้คนจนหรือภาษีคนจนนั้น ถ้านำมาใช้จริงต้องใช้เวลาในการวางระบบ รวมถึงต้องหารือกับกรมสรรพากรที่จะให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำระบบภาษี เพื่อรองรับกรณีดังกล่าว คงไม่สามารถนำมาใช้ได้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ถึงกรณีรัฐบาลจะมีโครงการช่วยเหลือคนจน และเกษตรกรที่โดยใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาทว่า แหล่งเงินที่จะนำมาใช้นั้นนายสมหมายคงมีแหล่งเงินในใจแล้ว ซึ่งหากให้ประเมินเงินที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีน่าจะจากงบประมาณในปี 2558 ที่ตัดลดงบจากหน่วยงานต่างๆ ไปได้ 1.6 หมื่นล้าบาท จากงบไทยเข้มแข็ง 1.5 หมื่นล้าบาท และจากงบประมาณปี 2557 ที่เหลืออยู่และยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันอีก 2 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 5 หมื่นล้านบาท สามารถหานำมาจากภาษีหรือรายได้รัฐอื่นๆ รวมถึง นำมาจากการบริหารหนี้ และเงินจากภาคเอกชนที่จะมาช่วยหรือร่วมมือกับรัฐบาลในบางโครงการ โดยมีแนวคิดว่าจะนำสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาใช้ในโครงการเกี่ยวกับการลดต้นทุนให้เกษตรกร โดยในวันที่ 29 ก.ย. ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ที่มีนายสมหมายเป็นประธานครั้งแรก ซึ่งจะมีการหารือในเรื่องนี้ด้วย Tags : กฤษฎา จีนะวิจารณะ • คลัง • โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ