เล็งคลอดเกณฑ์ใหม่ สกัดเก็งกำไรหุ้นร้อน

ตลาดหลักทรัพย์ถก"ก.ล.ต." หาวิธีสกัดหุ้นร้อน เล็งออกมาตรการใหม่เพิ่ม

มองราคาหุ้นไอพีโอวิ่งแรงเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก ชี้การตั้งราคาไอพีโอเหมาะสม นายกสมาคมบล.ยอมรับหุ้นเล็กวิ่งผิดปกติ ระบุต่างชาติไม่กล้าลงทุนหวั่นหุ้นไทยเสี่ยงสูง

ตลาดหุ้นไทยทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กมีแรงเก็งกำไรสูง โดยเฉพาะราคาหุ้นบางตัวสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง ทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลของตลาดทุน จะมีมาตรการเบรกการซื้อขายหุ้นที่ร้อนแรง และมีพฤติกรรมการที่ผิดจากสภาพปกติแล้ว แต่ความร้อนแรงก็ยังไม่ลดลง หากไม่เร่งดำเนินการ อาจจะส่งผลกระทบไปถึงความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในอนาคต

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วยกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาแนวทางดูแลหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ซึ่งส่วนตัวมองว่า หากหุ้นยังเคลื่อนไหวในระดับความร้อนแรงเช่นนี้ ตลาดหลักทรัพย์อาจมีมาตรการออกมาเพิ่มเติม เพื่อสกัดความร้อนแรง

"ที่ผ่านมายอมรับว่ามีการพูดคุยกับก.ล.ต.เพื่อหาแนวทางดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรง และประชุมในเรื่องนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เรามองว่ามาตรการที่มีอยู่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่หากความร้อนแรงยังไม่หยุดหรือชะลอลง เรามองว่าอาจต้องมีการออกมาตรการควบคุมออกมาเพิ่มเติม ส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายกำกับการซื้อขายและก.ล.ต.ร่วมมือกันหาแนวทางป้องกัน" นายประพันธ์กล่าว

ผู้จัดการตลาดเอ็มเอไอ กล่าวว่า ในความร้อนแรงของหุ้นเอ็มเอไอนั้น ได้มีการเข้าไปตรวจสอบบริษัทที่มีราคาหุ้นร้อนแรง และมีผลประกอบการขาดทุน 27 บริษัท พบว่า กว่าครึ่งมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจใหม่และทำให้เกิดความคาดหวังว่าผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้

เตือนระมัดระวังลงทุนหุ้นร้อน

ส่วนในหุ้นที่มีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น พี/อี ในระดับที่สูง เกิดจากผลการดำเนินงานในอดีตจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ซึ่งตลาดเอ็มเอไออยากเตือนนักลงทุนระมัดระวัง การเข้าลงทุนในหุ้นที่มีความร้อนแรง เพราะอาจสร้างความเสียหายได้

โดยเฉพาะหุ้นไอพีโอที่มีความร้อนแรง ตลาดมองว่าเกิดจากความคาดหวังกับผลประกอบการบริษัท ซึ่งความร้อนแรงจะเกิดหุ้นในบริษัทที่มีขนาดเล็ก แต่ยังมีมุมที่ดีคือ เมื่อหุ้นไอพีโอเข้าทำการซื้อขายแล้ว ราคาหุ้นอาจมีปรับตัวลดลง แต่ยังสามารถยืนเหนือราคาเปิดที่เปิดซื้อขายได้

อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามดูว่าหุ้นของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ที่จะเข้าทำการซื้อในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ จะมีความร้อนแรงหรือไม่ และการเข้าซื้อขายของ หุ้นดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดความร้อนแรงของหุ้นไอพีโอที่แท้จริงได้

ตลาดยันราคาไอพีโอเหมาะสม

ส่วนข้อสังเกตกรณีการตั้งราคาไอพีโอ อาจไม่เหมาะสมทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นผิดปกตินั้น ตลาดต้องขอชี้แจงว่า การตั้งราคาไอพีโอ ส่วนใหญ่ที่ปรึกษาทางการเงินจะใช้วิธี การนำผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลัง มาคำนวณเปรียบเทียบกับค่าพี/อีของอุตสาหกรรมที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือคิดกับพี/อี เทียบกับดัชนีตลาดหุ้น และจะมีการให้ส่วนลดกับนักลงทุนประมาณ 20-30 % ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงนั้น ตลาดมองว่าน่าจะเกิดขึ้นจากการให้ส่วนลดกับนักลงทุน จึงถือว่าไม่น่าจะมีความผิดปกติของการตั้งราคาไอพีโอ

ต่างชาติไม่กล้าลงทุนหวั่นเสี่ยงสูง

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ"นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ต้องยอมรับว่ามีแรงเก็งกำไรมากเกินไป และมีหุ้นบางตัวพุ่งแรง จนมีความผิดปกติ ซึ่งหากมองในฐานะนักลงทุนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเป็นหุ้นขนาดเล็กและราคาก็สูงเกินความจริงมาก โดยเฉพาะหุ้นไอพีโอ หากพิจารณาให้ดี ที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ได้ประเมินค่าที่เหมาะสมและให้ส่วนลดเล็กน้อยประมาณ 20%ไว้แล้ว แต่ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปมาก อยากให้นักลงทุนดูพื้นฐานในเชิงลึกมากขึ้น

"การที่หุ้นเล็กมีความร้อนแรงมากเกินไปเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุน เพราะราคาหุ้นสูงเกินไปและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นเงินต่างชาติที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้มีจำนวนมากนักในตอนนี้"ภัทธีรากล่าว

นายกสมาคมบล.กล่าวว่า การที่หุ้นปรับตัวขึ้นร้อนแรง ไม่สามารถระบุว่ามีการปั่นหุ้นเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหุ้นส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมีขนาดเล็ก นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน ต้องรู้จักพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและอาศัยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ก็มีมาตรการที่จะดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรงในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ การสั่งให้ซื้อขายได้เฉพาะบัญชีเงินสด ซึ่งมาตรการนี้ใช้ได้ผลในระดับหนึ่งเท่านั้น

ระยองไวร์เทรดวันแรกซิลลิ่ง

บรรยากาศการลงทุนหุ้น บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RWI ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ วานนี้ (18 ก.ย.) เป็นวันแรก ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 3.20 บาท หรือ 200% จากราคาจองที่ 1.60 บาทและเป็นราคาที่ปิดซื้อขายของวัน มูลค่าการซื้อขายรวม 143 ล้านบาท

นายเชนินทร์ เชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ RWI ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลวดเหล็ก กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง เป็นเพราะบริษัทมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตไปตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ประกอบกับภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

"การที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างร้อนแรงเป็นเพราะธุรกิจมีพื้นฐานดี โดยผลิตภัณฑ์หลักคือลวดเหล็ก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่เริ่มมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโครงการภาครัฐที่จะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ในเดือน ต.ค. นี้ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากภาคเอกชนที่มีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากปัญหาทางการเมืองคลี่คลายลงไป" นายเชนินทร์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด ทั้งในด้านของเงินปันผล ซึ่งมีนโยบายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้ หากไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งในบางปีบริษัทมีการจ่ายปันผลถึงปีละ 2 ครั้ง อีกด้านหนึ่งคือ ผลตอบแทนจากธุรกิจที่เติบโตขึ้นที่จะแสดงออกมาในรูปของกำไร และจากส่วนต่างของราคาหุ้น

ผู้บริหารคาดกำไรโต12%

แนวโน้มการเติบโตของบริษัทในปีนี้ คาดว่ายอดขายครึ่งปีหลังของบริษัทจะเติบโตขึ้น จากการขยายการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ 12.7% ระดับเดียวกับปีก่อน ภายใต้นโยบายของบริษัทที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการด้านวัตถุดิบได้ดี


Tags : ประพันธ์ เจริญประวัติ • ตลท. • หุ้นร้อน • ไอพีโอ • ตลาดหลักทรัพย์ • ลงทุน • ระยองไวร์ อินดัสตรีส์