"พรพรหมเม็ททอล" คาดสรุปแผนขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงสิ้นปีนี้ เปิดแผนลงทุน 2 ปีใช้เงินขั้นต่ำ 600 ลบ. นายชำนาญ พรวิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรพรหมเม็ททอล (PPM) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โลหะ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมและวัสดุเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง กล่าวว่า ในช่วง 2 ปี (2558-2559) บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ โดยแหล่งเงินจะมาจากการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์ จำนวน 80 ล้านหน่วย ซึ่งจะแปลงสิทธิครั้งสุดท้ายในปลายปีหน้า และมาจากการส่วนของการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง เขากล่าวว่า บริษัทยังไม่สามารถรถระบุได้ว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวนเท่าใด ขึ้นอยู่กับจำนวนการใช้สิทธิแปลงวอแรนท์ โดยหากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิเต็มจำนวน บริษัทจะมีเงินระดมทุน 560 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1(PPM-W1) จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 80 ล้านหน่วย มีกำหนดการใช้สิทธิในวันทำการสุดท้ายของเดือนมิ.ย.และธ.ค.ของแต่ละปีปฏิทิน และกำหนดวันใช้สิทธิครั้งสุดท้ายตรงกับวันที่ 19 พ.ค.2560 กำหนดอัตราการใช้สิทธิ คือใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาใช้สิทธิ 7 บาทต่อหุ้น "ต้องดูว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะใช้สิทธิแปลงวอแรนท์กันเท่าไหร่ จึงจะกำหนดมูลค่าการระดมทุนโดยการขายหุ้นพีพีได้ เพื่อนำเงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ ที่บริษัทกำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ ซึ่งก็มีหลายโครงการ ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาซื้อหุ้นพีพีนั้น บริษัทเปิดกว้าง จะเป็นพันธมิตรทางการค้า หรือเป็นผู้ลงทุนทั่วไปที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่บริษัทสนใจก็ได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีคนเข้ามาคุยอยู่เรื่อยๆ" นายชำนาญ กล่าวเพิ่มว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ คือบริษัท ยิงลี่ ซึ่งเป็นผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์อันดับต้นๆ ของโลก เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เบื้องต้นได้กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 60% ถือหุ้นโดยบริษัท ยิงลี่ และอีก 40% ถือหุ้นโดยบริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในปลายปี ปัจจุบันได้มีการเซ็นเอ็มโอยูแล้ว ทั้งนี้ มูลค่าโครงการของบริษัทร่วมทุน อยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ คาดการณ์ยอดขายจากบริษัทร่วมทุนที่ 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยบริษัทจะรับรู้ในส่วนของรายได้จากการขาย และรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น แหล่งเงินสำหรับลงทุนของบริษัท มาจากเงินกู้ 2/3 ส่วนที่เหลือใช้กระแสเงินสดภายในบริษัท "จุดเด่นของบริษัทร่วมทุนคือ การมีบริษัท ยิงลี่ เป็นผู้ทำตลาด เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ผลผลิตจากบริษัทร่วมทุนนี้จะส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เนื่องจากได้ประโยชน์ทางภาษีที่เสียอยู่ 0% เทียบกับการส่งออกจากจีนไปขายที่อเมริกา ซึ่งมีกำแพงภาษี 29% และในส่วนของบริษัท พรพรหมเม็ททอลเอง ก็จะนำเข้าสินค้าจากยิงลี่ที่ประเทศจีน มาขายในประเทศไทย ซึ่งมีราคาและคุณภาพสมเหตุสมผลมากกว่าที่มีแผงโซลาร์ในตลาดปัจจุบัน" นายชำนาญ กล่าวเพิ่มว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากค่อนข้างผกผันตามเศรษฐกิจ แม้ในครึ่งปีหลัง หลายฝ่ายจะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว แต่ช่วง 2 เดือนแรกไตรมาส 3 เห็นภาพชัดเจนว่า การฟื้นตัวไม่เร็วตามที่คาดการณ์ บริษัทจึงอาจต้องมีการปรับประมาณการรายได้อีกครั้งหลังจากเห็นผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ที่ชัดเจน Tags : ชำนาญ พรวิไลลักษณ์ • พรพรหมเม็ททอล • ขายหุ้น • เพิ่มทุน