แชร์ประสบการณ์ลองขับ BYD e6 รถไฟฟ้า 100% จากจีน

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 25 พฤษภาคม 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยียานยนต์ปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ ซึ่งหนึ่งในนวัตกรรมที่เราเริ่มสัมผัสได้บ้างแล้วคือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทั้งค่ายรถอเมริกัน ยุโรปและเอเชียเริ่มเข็นกันออกสู่ตลาด

    บ้านเราอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ในประเทศที่กำลังรณรงค์พลังงานสะอาดอย่างจีน รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าท้องถิ่นจำนวนมาก โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือ BYD และล่าสุดก็มีผู้นำเข้ามาขายในไทยแล้วด้วย
    (อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ รู้จัก BYD บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน ที่ทำมากกว่าแค่รถยนต์)

    ทาง Blognone มีโอกาสได้ทดลองขับ BYD e6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของบริษัทราวๆ 2 วัน เลยเอาประสบการณ์ใช้งานมาฝากกันครับ อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขียนเกี่ยวกับรถยนต์ อาจไม่เชี่ยวชาญมากนัก ถูกผิดอย่างไรขออภัยล่วงหน้า

    [​IMG]

    ตัวรถและภายในห้องโดยสาร


    BYD e6 จัดอยู่ในกลุ่ม MPV (Multi-Purpose Vehicle) ขนาด 5 ที่นั่ง มี 5 ประตู อาจจะด้วยจุดประสงค์ที่จะผลิตออกมาเพื่อใช้เป็นแท็กซี่เป็นหลักก็ไม่แน่ใจนัก (แต่ e6 ถูกนำไปใช้เป็นแท็กซี่มากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล) ทำให้ดีไซน์ของตัวรถจะค่อนข้างเทอะทะ ไม่ได้สวยหรือเด่นสะดุดตาเหมือนค่ายอื่นๆ

    [​IMG]

    ภายในตัวรถค่อนข้างกว้างขวาง นั่งได้สบาย ไม่อึดอัด ยกเว้นเพียงเก้าอี้คนขับที่ไม่สามารถปรับความสูงได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นปัญหากับคนตัวสูงๆ อยู่เหมือนกัน ส่วนพื้นที่เก็บของท้ายรถก็ค่อนข้างกว้าง แถมสามารถปรับเก้าอี้แถวหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คอนโซลกลางของตัวรถจะค่อนข้างเก่า ไม่มี Bluetooth ไม่มี USB เล่นได้แต่แผ่นซีดีหรือต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านพอร์ท AUX เท่านั้น เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่ไม่ได้เป็นแบบมัลติฟังก์ชัน ปุ่ม Enter กับขึ้นลง เพียงแค่ไว้ปรับ Setting จากหน้าจอตรงกลาง (ที่ตัวหนังสือเล็กมากๆ) เท่านั้น และ Cruise Control ก็ยังเป็นแบบเก่า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นที่เข้าใจได้เพราะตัวรถเปิดตัวตั้งแต่ราวปี 2009-2010 โน่น

    [​IMG]

    [​IMG]

    หน้าจอตรงกลางตอนแรกอาจจะดูรกๆ ไปหน่อย แต่ก็เข้าใจไม่ยาก ด้านซ้ายเป็นอัตราการสิ้นเปลืองหรือการใช้งานแบตเตอรีตอนเหยียบหรือปล่อยคันเร่ง ตรงกลางเป็นหน้าปัดความเร็ว ด้านขวาเป็นแบตเตอรีที่เหลือ

    [​IMG]

    แน่นอนเกียร์เป็นระบบไฟฟ้า ที่คันเกียร์มีเพียงเกียร์ถอยหลัง เดินหน้าและเกียร์ว่าง ส่วนเกียร์ P เป็นปุ่มอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกับเบรคมือเป็นปุ่มดึงขึ้น บริเวณเบาะตรงกลาง

    [​IMG]

    การขับขี่


    e6 มีโหมดสำหรับการขับขี่ 2 โหมดคือ Eco และ Sport ปุ่มจะอยู่ด้านล่างสุดของคอนโซลกลาง (ตอนขับอยู่แอบกดยาก)

    ความแตกต่างที่สำคัญของสองโหมดนี้คืออัตราเร่งและอัตราการสิ้นเปลือง ถึงแม้จะไม่ต้องรอรอบเครื่อง เหยียบแล้วให้ความรู้สึกทันทีว่าแรงมา แต่โหมด Eco จะเหมาะกับการขับในเมืองมากกว่า เพราะเมื่อทำความเร็วกลางๆ (ราวว 60-70 km/h) ขึ้นไป เริ่มรู้สึกได้ว่าเร่งไม่ขึ้น

    [​IMG]

    ขณะที่โหมด Sport อย่างที่กล่าวไปว่าที่ต่างกันชัดเจนที่สุดคืออัตราเร่ง เหยียบแล้วมาทันที แต่ไม่ได้แรงขนาดเบาะติดหนังและรู้สึกได้ว่าช่วงล่างค่อนข้างนุ่ม ส่วนเบรคเป็น Regenrative Brake จะดึงไฟกลับเข้าแบตเตอรี (ส่วนจะดึงไปช่วงไหนอะไรยังไงนี่แน่ใจนะครับ) และเบรคค่อนข้างลึกและแตกต่างกับที่เคยขับกับรถเครื่องยนต์สันดาปที่ผ่านๆ มา (ไม่แน่ใจว่ารถไฟฟ้าที่เป็น Regen Brake รุ่นอื่นๆ เป็นยังไง เพราะไม่เคยขับ) ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อคุ้นชินทั้งการเหยียบและระยะเบรค

    [​IMG]

    แบตเตอรีของ e6 เป็นแบตเตอรีแบบ Lithium iron Phosphate (LiFePO4) ขนาด 80kWh วิ่งได้ราว 300 กิโลเมตร++ ซึ่งจากการทดลองขับจริง ผมวิ่งไป 248 กิโลเมตร แบตเหลือ 24% ด้วยอัตรานี้เทียบบัญญัติไตรยางง่ายๆ ว่า BYD e6 แบตเตอรีเต็มจะวิ่งได้ราวๆ 320 กิโลเมตร ส่วนหัวชาร์จเป็นแบบ Type 2

    รถคันนี้มีโหมด Discharge มาให้ด้วย คือเราสามารถเปลี่ยนแบตเตอรีรถยนต์เป็น Powerbank ขนาด 80kWh สำหรับจ่ายไฟให้กับรถยนต์คันอื่น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้เลย แค่มีปลั๊กมาพ่วงเท่านั้น

    [​IMG]

    ส่วนการชาร์จ ผมชาร์จที่สถานีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โครงการ PEA Volta ที่พัทยา ซึ่งหัว Type 2 เป็นกระแสสลับ กำลังไฟอยู่ที่ 42kW จากแบตเตอรีราว 50% ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึงเต็ม

    [​IMG]

    กระโปรงหน้ารถของ e6 ไม่ได้โล่งและเก็บของได้แบบ Tesla ซึ่งเป็นอะไรบ้างก็จนปัญญาจะทราบได้ แต่เดาว่าตัวตรงกลางอาจเป็นหม้อแปลงไฟฟ้า

    ปัญหาที่พบ

    • รถยนต์ไฟฟ้าแต่กระจกข้างไม่ไฟฟ้า ต้องเดินไปพับเข้าพับออกเหมือนรถอีโคราคาครึ่งล้าน
    • กระจกฝั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเฉพาะตอนเปิดเท่านั้น ตอนปิดต้องกดปุ่มเอง (WTF มากครับ)
    • เข้าเกียร์ P จอดรถ ไม่ปลดล็อกประตูให้อัตโนมัติ แต่ตอนออกรถไปซักพัก ประตูล็อกให้อัตโนมัติ
    • อย่างที่กล่าวไป ฟังก์ชันภายในค่อนข้างเก่ามาก ต่อให้เสียบสาย 3.5 มม. เพื่อฟังเพลง แต่หากมีสายเข้าก็ต้องลำบากถอนสาย เพื่อรับโทรศัพท์อีก

    [​IMG]

    สเปค

    • ยาว 4,560 มม. กว้าง 1,822 มม. สูง 1,630 มม.
    • น้ำหนัก 2.4 ตัน
    • ฐานล้อกว้าง 2,830 มม.
    • กำลังสูงสุด 120 แรงมา
    • แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร
    • ความเร็วสูงสุด 149 km/h
    • ความจุแบตเตอรี 80kWh
    • รับประกันแบตเตอรี 5 ปี 500,000 กิโลเมตร
    • ราคา 1,890,000 บาท

    [​IMG]

    Topics: BYDElectric CarAutomobileReview
     

แบ่งปันหน้านี้