'พิชิต'ปั้น'เอเชียเวลท์'สู่โบรกในฝัน

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 15 กันยายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "พิชิต"เผยธุรกิจหลักทรัพย์ไม่เสรี ชี้ต้องให้ตลาดเป็นผู้กำหนดค่าคอมฯ ปั้น "เอเชีย เวลท์" เป็นโบรกรุุ่นใหม่

    ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นผู้ที่เคยทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ในองค์กรที่กำกับดูแลตลาดทุน อย่างสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ลงมาเป็นผู้เล่นหลัก ในสนามการแข่งขัน ในธุรกิจค้าหลักทรัพย์ โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ทำหน้าที่หัวเรือใหญ่คุมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์น้องใหม่ อย่าง นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ กับ กรุงเทพธุรกิจ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายและมีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยนั่งที่นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาตลาดทุน ก.ล.ต. เขามองว่าการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์มีความไม่เสรี ไม่เปิดกว้างเท่าที่ควรจะเป็น

    “เมื่อก่อนเราอยู่ข้างนอกเป็นผู้กำกับ เรามองธุรกิจค้าหลักทรัพย์อีกอย่าง เมื่อเรามาเป็นผู้เล่น มุมมองก็เปลี่ยนไป การมาอยู่ที่นี่ได้เรียนรู้อะไรเยอะ ผมมองว่ามีหลายส่วนทำให้ผู้ลงทุนเสียประโยชน์ ตลาดหุ้นเราไม่โตเท่าที่ควร เราอยากให้ตลาดมีความกว้างและลึก สิ่งหนึ่งเป็นตัวฉุดรั้งการขยายตัวนั้นคือ การอำนาจเหนือตลาด และไม่มีการแข่งขัน”

    ด้วยสภาพของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันที่มีความผันผวนสูงไม่สามารถใช้ในการออมเงินได้ นักลงทุนควรจะมีทางเลือกในการลงทุนและลงทุนได้โดยไม่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลง ตลาดไทยยังไม่กว้างและลึกเพียงพอ การแข่งขันเสรีจะทำให้เราไปข้างหน้า และจะช่วยให้ตลาดหุ้นเราโตมากกว่านี้ได้อีกเยอะ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันตลาด หากเราไม่ทำอะไรซักอย่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยโตช้ากว่าคนอื่น สักวันเราจะกลายเป็นตลาดเล็กที่คนไม่สนใจ

    เขามองว่าการกำหนดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชั่น) อการใช้อำนาจเหนือตลาด โดยค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปทำให้เกิดกำไรส่วนเกิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมี และเป็นประเด็นที่พิชิตพยายามทำตั้งแต่สมัยอยู่ก.ล.ต. ดังนั้นการกำหนดค่าคอมมิชชั่นควรเป็นไปตามกลไกตลาดเสรีและสะท้อนความเป็นจริง มากกว่าการถูกกำหนดราคาให้เท่ากันหรือกำหนดขั้นต่ำ

    “เงินส่วนเกินตรงนี้ควรเอาไปแจกจ่ายให้สังคม ไม่ควรจะเอามาให้มนุษย์ทองคำ เราต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าลูกค้าในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมีโบรกเกอร์อีกต่อไป พวกเขาสามารถทำการซื้อขายด้วยตัวเองผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถซื้อขายกับตลาดหลักทรัพย์โดยตรงได้เลยหากมีการอนุญาต โบรกเกอร์ต้องมาถามตัวเองว่าเราทำหน้าที่อะไร ที่ควรจะได้ค่าคอมมิชชั่น กลไกตลาดจะบอกว่าคุณควรจะได้ค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่ โบรกเกอร์ต้องเป็นอะไรที่มากกว่าตัวกลางในการแมชชิ่ง ธุรกิจอื่นไม่มีการมารวมตัวกันกำหนดราคา”

    อีกประเด็นสำคัญคือ ข้อกล่าวหาในการแย่งชิงเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) ซึ่งปัจจุบันมีกฎเกณฑ์ที่ไม่อยากให้มีการย้ายค่ายเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่การตลาดถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญ เป็นทั้งผู้กำหนดทิศทางบริษัท เมื่อมีโบรกน้องใหม่ทำให้เกิดการแย่งชิงเจ้าหน้าที่การตลาดเกิดขึ้น

    “สมัยก่อนผมอยู่บลจ. ไม่เคยมีแบบนี้ ที่จะมาห้ามกันไม่ให้ลูกน้องย้ายค่าย เราต้องยอมรับกันว่า ถ้าเราดูแลลูกน้องไม่ดี เขาก็มีสิทธิที่จะไป ยุติธรรมทั้งกับเขาและกับเรา ตอนนี้เรามีมาร์เก็ตติ้ง 180 คน ซึ่งการเกิดขึ้นของบล.เอเชีย เวลท์ เกิดจากการรวมตัวของเจ้าหน้าที่การตลาดมารวมตัวกันเพื่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ของตัวเองเพื่อตามความฝันของตัวเอง พวกเขาขอให้ผมช่วยเซ็ทระบบการซื้อขาย วางรูปแบบการบริหารให้ โดยในการตั้งบริษัทนั้น พวกน้องๆก็นำเงินมาระดมทุนกัน เหมือนรูปแบบสหกรณ์ คนทำงานร่วมกันเป็นเจ้าของ”

    เขายอมรับว่า ด้วยภาพของเราที่ถูกมองว่าเป็นโบรกของมาร์เก็ตติ้ง ทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดจากที่อื่นอยากมาร่วมงานด้วย และในเวลาเดียวกันก็มีโบรกน้องใหม่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญอีก 2 แห่ง ทำให้พวกเขาถูกขนานนามว่าเป็นแก๊ง 3 เอ (บล.เอเชีย เวลท์ บล เออีซี บล แอพเพิลเวลธ์) ที่ใช้กลยุทธ์แย่งคน

    "เราก็ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรามองว่าตลาดเสรีมีประสิทธิภาพสูงสุดและทำให้ทุกอย่างมีความแฟร์มากขึ้น ตลาดหุ้นต่างประเทศไปในทิศทางแบบนั้น เราจะฝืนกระแสโลกไม่ได้ การจะมากำหนดคอมมิชชั่นเท่านั้นเท่านี้ มากำหนดโควตาต่างๆ ถ้ามองอีกแง่หนึ่งจะเห็นการใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันผู้เล่นรายใหม่ ไม่ให้แข่งขัน"

    ปัจจุบันบล.เอเชีย เวลท์ มีนโยบายจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละรายไม่เกิน 25 % เพื่อให้เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ของมืออาชีพ และเป็นแหล่งของการลงทุน และบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้า

    รูปแบบการทำธุรกิจนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ งานด้านการค้าหลักทรัพย์ที่ช่วยสร้างรายได้เร็ว โดยผลการดำเนินงานในปีแรกเป็นที่น่าพอใจ โดยมีบัญชีการซื้อขายที่ 5,000 บัญชี การเคลื่อนไหวเป็นประจำกว่า 50% ส่วนการปล่อยบัญชีมาร์จินจะใช้ความระมัดระวัง ไม่ปล่อยมากเกินไป มีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) อยู่ที่ 3 % เป็นอันดับที่11-12 ของอุตสาหกรรม โดยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์เป็น 4% ได้ ส่วนอัตราค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 0.15-0.16 % เทียบกับอุตสาหกรรม 0.18 % โดยในปีหน้าบริษัทจะเน้นลูกค้าสถาบันในประเทศ และในปีถัดไปจะหาพันธมิตรต่างประเทศ

    ส่วนงานที่ 2 คือการบริหารความมั่งคั่งและ การบริหารพอร์ตลงทุนส่วนบุคคล ที่เรามีความชำนาญ ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านการบริหารกองทุนขนาดใหญ่มาก่อน ซึ่งงานส่วนนี้ต้องใช้เวลาสร้างฐานอีก 2-3 ปี เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างจากความเชื่อใจของลูกค้า โดยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารในขณะนี้อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท และมีแผนที่เปิดบริการบริหารกองทุนส่วนบุคคล ที่สามารถผนึกความเชี่ยวชาญของธุรกิจค้าหลักทรัพย์ และ บริหารความมั่งคั่งมาเสริมความแข็งแกร่งได้

    นอกจากนี้วาณิชธนกิจเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรง และเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญในอนาคต โดยในขณะนี้มีผู้สนใจนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 5 รายที่จะเข้าไอพีโอปีหน้า มูลค่าหลักพันล้านบาทต่อราย และมีที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกเกือบ 10 ราย รวมถึงความต้องการให้เราเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ช่วยดูแลด้านเงินทุนด้วย

    เขายอมรับว่าด้วยระยะแรกที่เปิดดำเนินงานเป็นช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองทำให้ผลการดำเนินงานยังขาดทุน แต่พึ่งจะพลิกฟื้นมีกำไรได้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่าน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี และมีมาร์เก็ตติ้งที่เก่ง ซึ่งคาดว่าจะพลิกเป็นกำไรได้ในสิ้นปีนี้ ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดถือว่าเป็นพันธกิจของเราที่ต้องเดินหน้า โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงปลายปี 2559 ถึง 2560 ซึ่งภาพที่เราอยากจะเห็นในระยะยาวใน 3 - 5 ปีข้างหน้า สิ่งที่เราจะเป็นคือต้นแบบของโบรกขนาดกลาง โดยอยากมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 5-6 % มีทรัพย์สินภายใต้บริหารจัดการ 6-7 หมื่นล้านบาทและจะผลักดันให้ได้แสนล้านบาท ในอนาคต

    Tags : พิชิต อัคราทิตย์ • บล.เอเชีย เวลท์ • ธุรกิจหลักทรัพย์ • ค่าคอมมิชชั่น

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้