ปตท.สผ.มีแผนปรับพอร์ตการถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงพร้อมสร้างผลตอบแทน เตรียมลดสัดส่วนถือหุ้นในแหล่งที่ถือ 100% นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท ทั้งผลการดำเนินงาน และการทำธุรกิจ ส่วนเรื่องการต่อสัญญาปิโตรเลียมของแหล่งที่ใกล้จะหมดอายุสัมปทานนั้น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ยังมีเวลาในการพิจารณาว่าจะต่ออายุหรือไม่ ส่วนผลกระทบทางอ้อมต่ออันดับเครดิตของประเทศนั้น เชื่อว่าคงไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศ หรือปรับเปลี่ยนมุมมองต่อประเทศไทยทันที แต่หากประเทศไทยถูกปรับลดอันดับเครดิตลงก็จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเงินสำหรับการระดมทุนในอนาคต อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะระดมเงินทุนในตลาด เพราะยังมีเงินสดอยู่ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ "แหล่งปิโตรเลียมอยู่ในทะเล จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ขณะที่การจัดส่งก๊าซธรรมชาติก็ยังปกติ ส่วนเรื่องปริมาณความต้องการใช้ก๊าซฯที่อาจจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจนั้น ส่วนที่จะถูกตัดก่อนคือการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากต่างประเทศ มากกว่าก๊าซฯที่ผลิตได้ในประเทศ" บริษัทยังคงแผนการลงทุนและการดำเนินงานไว้เหมือนเดิม โดยในส่วนการซื้อและควบรวมกิจการ หรือ เอ็มแอนด์เอ ก็ยังคงมีการเจรจาต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์หลักยังคงเน้นในภูมิภาคอาเซียน และแถบอเมริกา นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันยังถือหุ้นอยู่ 100% เพื่อความเหมาะสม และลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ "บริษัทมีนโยบายจะไม่ถือหุ้น 100% ในแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม โดยปัจจุบันมีอยู่ 3 แหล่งที่บริษัทยังถือหุ้นอยู่ 100 % ประกอบด้วยแหล่ง แคช เมเปิ้ล ในออสเตรเลีย แหล่งมอนทารา และแหล่งเอ็มดี 78 ในประเทศพม่า ส่วนจะลดสัดส่วนเหลือเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง และโอกาสในการเจอปิโตรเลียม รวมทั้งราคาได้ หากได้ราคาดีมาก จนคิดว่าเราทำเองคงไม่ได้เท่านี้ ก็อาจจะขายหมด" ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินในไตรมาส 2 ปีนี้ อาจจะทรงตัว หรือดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตเข้ามาเพิ่ม จากหลายแหล่ง ทั้งการรับรู้กำลังการผลิตจากการซื้อหุ้นกิจการของเฮสส์ (HESS) ในไทย กำลังการผลิตจากแหล่งมอนทารา และซอติก้า เป็นต้น แต่ไตรมาสนี้ก็อาจจะมีการหยุดซ่อมบำรุงในบางแหล่ง ภาพรวมทั้งปีคาดว่ากำลังการผลิตจะอยู่ในระดับ 3.3 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 10% ด้านบล.เคเคเทรดวิเคราะห์ว่า คงประมาณการกำไรปี 2557 ของปตท.สผ.ไว้เท่าเดิมที่ 6.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน แม้การซื้อกิจการของเฮสส์จะให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 3% แต่โครงการซอติก้า มีโอกาสล่าช้ากว่าแผนเดิมของบริษัท โดยคาดจะเริ่มผลิตเต็มไตรมาสในช่วงไตรมาส 3 ปตท.สผ.ยังคงเป้าหมายการผลิต 6 แสนบาร์เรลต่อวันในปี 2563 จากการทยอยเริ่มผลิตในแหล่งปิโตรเลียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจากแหล่งผลิตเดิม ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นไปถึง 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนที่เหลือจะมาจากการเข้าซื้อแหล่งปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากรัฐบาลบราซิล ในการเข้าไปถือหุ้นแหล่งปิโตรเลียมในบราซิล โดยบราซิลถือเป็นแหล่งปิโตรเลียมในเขตน้ำลึกที่นักลงทุนให้ความสนใจสูงมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม มีพื้นที่ประเทศติดกับประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาเกือบทั้งหมด รวมทั้งยังสามารถส่งออกปิโตรเลียมไปขายในทวีปยุโรป ซึ่งมีความต้องการใช้ปิโตรเลียมสูง Tags : ปตท.สผ. • ปรับพอร์ตการลงทุน • แหล่งปิโตรเลียม