ต่อจากข่าว ฝรั่งเศสประกาศตัวเป็นศูนย์กลาง AI ของยุโรป เป็นอีกทางเลือกนอกจากสหรัฐ-จีน ถือเป็นความน่าสนใจที่ฝรั่งเศสประกาศ "แผนยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ" และตั้งเป้าเป็นขั้วที่สามในด้าน AI ของโลก ประธานาธิบดี Emmanuel Macron มอบหมายให้ Cédric Villani ส.ส.หน้าใหม่ ที่เป็นนักคณิตศาสตร์ชื่อดัง ตั้งคณะทำงานศึกษานโยบายด้าน AI และออกมาเป็นรายงาน "Villani Report" ที่มีข้อเสนอเชิงนโยบายทั้งหมด 7 ข้อ บทความนี้เป็นการสรุปประเด็นจากรายงาน Villani Report เพื่อเป็นตัวอย่างว่า นโยบายด้าน AI ของรัฐบาลประเทศต่างๆ มีหน้าตาเป็นอย่างไร และสนใจประเด็นใดบ้าง แหล่งข้อมูล: Villani Report ฉบับเต็ม, ฉบับสรุปย่อ Executive Summary 1. พัฒนานโยบายด้าน "ข้อมูล" (Data Policy) Villani Report สรุปว่าปัจจัยสำคัญของการพัฒนา AI ต้องเริ่มต้นที่การเก็บสะสมข้อมูลจำนวนมาก จุดนี้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากสหรัฐ จีน และรัสเซีย ได้เปรียบมาก เพราะมีข้อมูลของผู้ใช้อยู่เยอะแล้ว อย่าง Top 25 เว็บไซต์ยอดนิยม ในฝรั่งเศส มี 80% เป็นเว็บไซต์สัญชาติอเมริกัน เท่ากับว่าบริษัทอเมริกันเหล่านี้ได้ข้อมูลของคนฝรั่งเศสไปเยอะมาก สิ่งที่ฝรั่งเศสต้องทำจึงเป็นการวางยุทธศาสตร์ด้านข้อมูลเสียใหม่ โดยมีข้อเสนอย่อยดังนี้ รัฐบาลกระตุ้นให้เกิดการแชร์ข้อมูลกันของบริษัทในฝรั่งเศส โดยเฉพาะบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน รัฐบาลต้องสร้างชุดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ทั้งในแง่ข้อมูลที่มีแต่รัฐบาลเข้าถึงได้ และข้อมูลที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ ส่งเสริมหลักการ data portability ข้อมูลของเราต้องเป็นของเรา เราต้องย้ายบริการจากค่ายหนึ่งไปอีกค่ายหนึ่งได้ง่าย โดยไม่เสียประวัติข้อมูลของเรา 2. ตั้งเป้า 4 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ หากฝรั่งเศสต้องการสร้าง "กูเกิล 2" ของตัวเองขึ้นมาคงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นฝรั่งเศสต้องประเมินจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง และเลือกอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์ขึ้นมาโฟกัส 4 อุตสาหกรรมที่คณะทำงานเลือกมาคือ สุขภาพ (health) การขนส่ง (transport) สิ่งแวดล้อม (environment) การทหาร-ความปลอดภัย (defence and security) เหตุที่เลือกอุตสาหกรรมทั้ง 4 กลุ่มนี้ ก็เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ และมีประเด็นน่าสนใจที่ส่งผลกระทบต่อคนทั่วไป ตัวอย่างปัญหาที่สามารถใช้ AI มาแก้ไขได้ก็อย่างเช่น ยาแบบใหม่ที่ป้องกันโรคได้ล่วงหน้า (P4 medicine), ปัญหาบางพื้นที่ขาดแคลนบริการด้านสุขภาพ (medical deserts) และการระบบขนส่งในเขตเมือง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้ แต่ละอุตสาหกรรมต้องสร้างแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลองตัวเอง เพื่อใช้เป็นฐานในการต่อยอดพัฒนา AI เพื่อแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมนั้น ภาครัฐเองต้องสร้างพื้นที่ทดสอบ (sandbox) เพื่อให้มีโอกาสลองนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว ไม่ติดปัญหาเรื่องกฎระเบียบด้วย ตัวอย่างการทดลองที่เป็นไปได้คือ รถยนต์ไร้คนขับ การเกษตรยุคใหม่ การทดลองใช้ยากับคนไข้และตรวจสอบผลแบบเรียลไทม์ การใช้ AI ดักจับการโจมตีไซเบอร์ เป็นต้น 3. เพิ่มการวิจัย AI ในฝรั่งเศส ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI พุ่งสูงมาก เกิดการชิงตัวนักวิจัยกันระหว่างประเทศต่างๆ สิ่งที่ฝรั่งเศสต้องทำคือทุ่มเทกับการวิจัยมากขึ้น ผ่านนโยบายดังนี้ ตั้งสถาบัน AI ในสถาบันการศึกษา-สถาบันวิจัยทั่วประเทศ แต่ละแห่งต้องมีโฟกัสว่าจะวิจัยด้านไหน จัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่อการวิจัย เช่น บริการคลาวด์ หรือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับวิจัย AI โดยเฉพาะ ดึงดูดนักวิจัยจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในฝรั่งเศส เช่น เพิ่มเงินเดือนนักวิจัย เพิ่มโครงการนักวิจัยแลกเปลี่ยน เพิ่มจำนวนนักศึกษาปริญญาโท-เอกในด้าน AI 4. วางแผนเตรียมรับมือ ผลกระทบจาก AI ต่อตลาดแรงงาน ปัจจุบัน ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าผลกระทบจาก AI ต่อตลาดแรงงานจะเป็นอย่างไร จะเกิดงานใหม่ๆ หรือทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมาก ฝรั่งเศสต้องวางแผนรับมือเรื่องนี้ล่วงหน้า ว่าจะหาจุดสมดุลระหว่างคนกับเครื่องจักรได้อย่างไร สร้างห้องแล็บวิจัยเรื่องรูปแบบของ "อาชีพ" ที่เปลี่ยนไป ทดสอบเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับวิชาชีพต่างๆ ว่าจะเกิดผลกระทบต่อแต่ละอาชีพแค่ไหน หาจุดร่วมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ซึ่งอาจอยู่ในรูปของกฎหมายแรงงาน หรือเงื่อนไขด้านสภาพการทำงานในยุคดิจิทัล ทดสอบรูปแบบการให้ทุนฝึกทักษะใหม่ๆ ของพนักงาน ว่าแบบไหนเหมาะสมในการทำงานยุคดิจิทัล 5. พัฒนาให้ AI เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเกิดขึ้นของ AI ต้องมีผลในทางบวกต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่การใช้ทรัพยากรประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ด้วย รัฐบาลต้องตั้งศูนย์วิจัยด้าน AI กับสิ่งแวดล้อม และหาวิธีวัดผลกระทบของเครื่องมือดิจิทัลต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาคลาวด์ของยุโรป ให้การใช้งาน AI ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากขึ้น นำ AI มาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในแง่มุมต่างๆ เช่น ใช้โดรนถ่ายภาพเพื่อวิเคราะห์การปลูกป่าทดแทน หรือใช้การแยกแยะภาพถ่าย มาแยกประเภทของสิ่งมีชีวิตที่พบ 6. AI ต้องโปร่งใส เปิดเผย ไม่ใช่กล่องดำ การเกิดขึ้นของ AI ทำให้เกิดคำถามว่า AI ทำงานอย่างไร และเป้าหมายของ AI คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์จริงหรือไม่ ประเด็นด้านจริยธรรมเหล่านี้ต้องเคลียร์ใช้ชัดเจนตั้งแต่แรก อัลกอริทึมต้องมีความโปร่งใส (algorithm transparency) ตรวจสอบได้ (audits) แยกย่อยเป็น โมเดลต้องอธิบายให้เข้าใจได้, อินเทอร์เฟซต้องสื่อสารได้ และกลไกการทำงานต้องชัดเจนเป็นลำดับขั้น การอบรมและเทรนนิ่งด้าน AI ของนักวิจัยและวิศวกร ต้องมีหัวข้อด้านจริยธรรม ตั้งคณะกรรมการด้านจริยธรรมของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบให้ชัดเจนในงานที่ AI นำมาใช้งาน ว่าตรงไหนเป็นความรับผิดชอบของมนุษย์บ้าง 7. ส่งเสริมการเข้าถึงและความหลากหลาย (inclusivity and diversity) โลกของ AI ต้องเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผู้หญิงและคนกลุ่มน้อยในสังคมต้องมีที่ยืนด้วย 40% ของคนที่เข้าเรียนวิชาวิศวกรรมดิจิทัล ต้องเป็นผู้หญิง ภายในปี 2020 รัฐบาลต้องนำระบบอัตโนมัติมาใช้งาน เพื่อให้เข้าใจความต้องการของปัจเจกแต่ละคนได้ดีขึ้น สนับสนุนการใช้ AI เพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางสังคม สัญญาของประธานาธิบดี Macron นอกเหนือจากข้อเสนอเชิงนโยบายใน Villani Report แล้ว ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังประกาศแผน 3 ข้อที่สัญญาว่าจะดำเนินการ ดังนี้ ส่งเสริมบุคลากรด้าน AI ในฝรั่งเศส ได้แก่ พัฒนาโครงการเทรนนิ่งและดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากทั่วโลก, จำนวนนักศึกษาด้าน AI ต้องเพิ่มขึ้นเท่าตัว, นักวิจัยในสถาบันของรัฐจะสามารถแบ่งเวลา 50% ไปทำงานให้ภาคเอกชนได้ เพื่อใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ในวงกว้าง, รัฐบาลจะให้งบประมาณทั้งหมด 1.5 พันล้านยูโรในตลอดวาระของรัฐบาล 5 ปี เปิดข้อมูลของภาครัฐ เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์และสร้างนวัตกรรม โดยยังรักษาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ตามหลัก GDPR สร้างกรอบจริยธรรมด้าน AI โดยเน้นความโปร่งใสและการใช้อัลกอริทึมอย่างเป็นธรรม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเข้ามาร่วมกำหนดกรอบจริยธรรมนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก AI for Humanity Topics: FranceArtificial IntelligencePublic Policy