ล่ำสูงหวังรัฐลดขั้นตอนนำเข้าปาล์ม

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 11 กันยายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "ล่ำสูง" หวังรัฐลดขั้นตอนการตัดสินใจนำเข้า-ส่งออกน้ำมันปาล์ม หลังไตรมาส 1 ขาดทุน รับผลกระทบน้ำมันปาล์มขาดตลาด

    นางสาวอัญชลี สืบจันทนศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) (LST) กล่าวว่า บริษัทมีความเสี่ยงเรื่องการดำเนินนโยบายรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาค่อนข้างล่าช้า ทำให้บริษัทไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบได้ โดยในไตรมาส 1/2557 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.99 ล้านบาท ลดลง 88.94% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 153.66 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้เพราะต้องรอการอนุมัติจากทางภาครัฐ

    “ที่ผ่านมา การจะนำเข้าวัตถุดิบจะต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน ซึ่งจะดำเนินการค่อนข้างนาน มีการถามความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กว่าจะอนุมัติเรื่องการนำเข้า ก็ทำให้บริษัทหรือผู้ประกอบการรายอื่นขาดเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยง และบางครั้งที่การอนุมัติในหลักการก็ไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ”

    เธอกล่าวว่า เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ทางคสช. ได้เรียกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปหารือและช่วยกันวางโรดแมพของราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในความควบคุม ซึ่งบริษัทก็เข้ามีส่วนร่วมในนามของสมาคมปาล์ม โดยสิ่งที่คาดหวังจากการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้คือการตัดสินใจที่รวดเร็ว และเท่าทันสถานการณ์ เพื่อให้ผู้ประกบอการมีเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยง

    เธอกล่าวเพิ่มว่า ประเทศมาเลเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นอันดับที่ 2 ของตลาดโลก มีการบริหารจัดการที่ดีมาก โดยหน่วยงานรัฐมีความเข้าใจผู้ประกอบการเป็นอย่างดี ล่าสุด ประเทศมาเลเซียมีผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปริมาณความต้องการภายในประเทศ รัฐบาลมาเลเซียก็ได้เปิดช่องให้ผู้ผลิตส่งออกยังต่างประเทศได้โดยไม่เสียภาษีส่งออก จากปกติที่จะมีภาษีส่งออกประมาณ 4.5% นับเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการที่ได้ผล

    ด้านภาพรวมผลประกอบการปี 2557 บริษัทยอมรับว่าผลประกอบการจะต่ำกว่าปี 2556 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะต่ำกว่าปีที่แล้ว 100 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ราคาปาล์มที่เข้ามามีผลกระทบ รวมไปถึงปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ออกมาสูงกว่าปริมาณความต้องการในตลาด

    ขณะที่บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 69% คาดว่าจะมีรายได้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,397.63 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง แต่ราคาขายยังทรงตัว ซึ่งทำให้มีรายได้จากส่วนต่างของราคาเพิ่มเข้ามา ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักของบริษัท 70% และรายได้จากธุรกิจในบริษัทย่อย 30% โดยประมาณ

    ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 4,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.70% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,568 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท ลดลง 17.47% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 249 ล้านบาท

    นางสาวอัญชลีกล่าวเพิ่มว่า ในระยะกลาง-ยาว บริษัทมีแผนกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจน้ำมันปาล์มมากกว่า 50% โดยมีแผนการเข้าซื้อธุรกิจอาหาร และธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้งนี้ เมื่อ 10 ปีที่แล้วบริษัทก็ได้เข้าซื้อธุรกิจน้ำผลไม้ยูเอฟซี เพื่อกระจายความเสี่ยงเช่นกัน

    ในปี 2558 บริษัทมีแผนลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิต และลงทุนเครื่องจักรในส่วนที่จะมาทดแทนกำลังการผลิตเดิม ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนไม่มาก

    ในส่วนของสภาพคล่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ยอมรับว่ามีสภาพคล่องต่ำ เพราะผู้ถือหุ้นส่วนมากของบริษัทเน้นการลงทุนในระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

    Tags : อัญชลี สืบจันทนศิริ • ล่ำสูง • น้ำมันปาล์ม

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้