ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เผย กำไรสุทธิของบจ.ช่วงไตรมาส 1/57 ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แม้ยออดขายรวมโต 11.93% นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 95 บริษัท จากทั้งหมด 97 บริษัท (บริษัทที่ยังไม่ส่งงบการเงิน 1 บริษัท และ ที่ยังไม่ครบกำหนดส่งงบการเงินอีก 1 บริษัท) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2557 แล้ว พบว่า 69 บจ. หรือ 71% ยังคงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยในจำนวนนี้ มี 36 บจ. มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน ทั้งนี้ บจ. ทั้งหมดมียอดขายรวมอยู่ที่ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.93% ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 15.07% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง มาอยู่ที่ 20.32% ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น 14.31% ทำให้กำไรสุทธิรวมของ บจ.ใน mai ลดลงเหลือ 1,437 ล้านบาท จาก 1,899 ล้านบาท ในปีก่อนหน้า “จากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลต่อกำไรสุทธิรวมของ บจ.ใน mai ทุกภาคธุรกิจ ทั้งการเงิน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะธุรกิจบริการ ได้รับผลกระทบจากการชะลอการใช้จ่ายและการลงทุน ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม (จะเริ่มใช้ในปี 2558) พบว่า กลุ่มธุรกิจการเงิน (FINANCIAL) มียอดขายลดลง ขณะที่อีก 7 กลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายในไตรมาสนี้สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนในการขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิรวมลดลง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ไว้ได้ คือ กลุ่มทรัพยากร (RESOURCE) และ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CONSUMP)” นายประพันธ์กล่าว ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai พบว่า 5 บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาสนี้ ได้แก่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มีกำไรสุทธิ 460 ล้านบาท บมจ.ชูไก (CRANE) 157 ล้านบาท บมจ.เอไอ เอนเนอร์จี (AIE) 85 ล้านบาท บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) 73 ล้านบาท และ บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) 58 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทที่ยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ไว้ได้ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ สามารถควบคุมบริหารต้นทุน และเป็นบริษัทที่เริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนไปช่วงที่ผ่านมา Tags : ประพันธ์ เจริญประวัติ • เอ็มเอไอ • กำไร