ก.ล.ต. กล่าวโทษ "ฉาย" และพวกอีก 10 คน ฐานปั่นหุ้น "โซลูชั่น คอนเนอร์" รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิด 11 ราย ได้แก่ 1. นายฉาย บุนนาค 2. นายปฐมัน บูรณะสิน 3.นายสุพิชยะ ฉายเหมือนวงศ์ 4.นายมีศักดิ์ มากบำรุง 5.นายอภินันทกานต์ พงศ์สถาบดี 6.นายเทพฤทธิ์ สีหิสราภิสิทธิ์ 7.นายทรี บุญปราศภัย 8.นายพาวิตต์ นาถะพินธุ 9.นางสาวชนาธิป ตันติพูนธรรม 10.นางสาวศิริญา ดำรงวิถีธรรม และ 11.นายไท บุญปราศภัย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์บริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) (SLC) สำนักงานก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับสภาพการซื้อขายหุ้น เอสแอลซี ที่ผิดปกติระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-29 เม.ย.2553 จึงตรวจสอบเชิงลึกพบพยานหลักฐาน ทั้งที่เป็นพยานวัตถุและพยานเอกสาร เช่น บัญชีข้อมูลการซื้อขายหุ้นเอสแอลซี บัญชีแสดงการหมุนเวียนเงินภายในกลุ่ม ซึ่งมีทั้งบัญชีกลาง บัญชีรายบุคคล บัญชีการจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือนให้กับบุคคล 7 ราย ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุน ตลอดจนการให้ถ้อยคำยอมรับ ของผู้ต้องสงสัยบางรายเกี่ยวกับการควบคุมเงิน และการสั่งการซื้อขายหุ้น ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่า นายฉาย นายปฐมัน และนายสุพิชยะ ได้ตกลงรู้เห็นร่วมกันซื้อขายหุ้นเอสแอลซี ในลักษณะสร้างราคาผ่านบัญชีซื้อขายหุ้น และบัญชีธนาคารของบุคคล 9 ราย ได้แก่ นายปฐมัน นายสุพิชยะ นายมีศักดิ์ นายอภินันทกานต์ นายเทพฤทธิ์ นายทรี นายพาวิตต์ นางสาวชนาธิป และนางสาวศิริญา พฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นเอสแอลซี ของบุคคลกลุ่มนี้ มีลักษณะสอดรับกันในด้านจังหวะเวลา การส่งคำสั่งด้านซื้อและขายในปริมาณมากที่หลายระดับราคา เพื่อครองตลาดและควบคุมการเปลี่ยนแปลงราคา และทำราคาตลาดให้สูงขึ้น ด้วยการส่งคำสั่งให้เกิดการซื้อขายระหว่างบัญชีของบุคคลในกลุ่ม อันเป็นการลวงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นเอสแอลซี เมื่อมีผู้ลงทุนจำนวนมากหลงเชื่อ และเข้าซื้อขายตาม บัญชีซื้อขายของบุคคลทั้ง 9 รายข้างต้นก็ทยอยขายทำกำไร โดยมีนายไท ช่วยเหลือสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การกระทำในลักษณะข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 243 (1) (2) ประกอบมาตรา 244 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลยุติธรรม นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้กล่าวโทษ นายพรเทพ ถาวรวิสุทธิกุล และ น.ส.อารดา เลิศภิญโญภาพ อดีตผู้บริหาร บล. ยูไนเต็ด รวมทั้ง นายนฤพล ฉัตรเฉลิมวัทย์ นายประยุทธ์ เลิศภิญโญภาพ น.ส.กรุณา แก้วมณี และบุคคลไม่ทราบชื่อ 1 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีการสร้างราคาหลักทรัพย์ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้ตรวจพบสภาพการซื้อขายหุ้น UKEM ที่ผิดปกติเนื่องมาจากการซื้อขายของบุคคลกลุ่มหนึ่งช่วง ระหว่างวันที่ 21 ก.ค.-20 ส.ค.2551 และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า นายพรเทพ น.ส.อารดา นายนฤพล ตัวการอื่น อีก 5 ราย และบุคคลไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ได้ตกลงหรือร่วมรู้เห็นการสร้างราคาหุ้น UKEM ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลรวม 7 บัญชี โดยร่วมกันทำการซื้อขายอย่างต่อเนื่องในลักษณะอำพราง รวมทั้งจับคู่ซื้อขายกันภายในกลุ่ม เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาและปริมาณซื้อขายหุ้น UKEM เป็นผลให้การซื้อขายหุ้น UKEM ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยมีนายประยุทธ์ น.ส.กรุณา และบุคคลอีก 5 ราย ให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ การถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษเนื่องจากการกระทำเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 243 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มีผลให้ นายพรเทพ และน.ส.อารดา เข้าข่ายต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนและ ขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้ บุคคลทั้งสองเคยถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษกรณี สร้างราคาหุ้นบริษัทเมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (METRO) บริษัทไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (TUCC) และบริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (SECC) และ บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) (RICH) ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ที่ดัชนีเพิ่มสูงขึ้นนั้น อยากแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่รายตัว และระมัดระวังการซื้อขายในหุ้นที่มีกระแสข่าวลือ เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนได้ ทั้งนี้ในหุ้นขนาดเล็กที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ทางตลาดหลักทรัพย์มีฝ่ายที่จะดูแลในหุ้นที่ผิดปกติอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนให้นักลงทุนรับทราบผ่านช่องทางต่างๆเพื่อป้องกันความเสียหายกับนักลงทุน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ในหุ้นขนาดเล็กที่มีราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกตินั้น พบว่าราคาหุ้นของบริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา (1 ก.ย.-9 ก.ย.) ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 16% โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.60 บาท มาปิดตลาดในวานนี้(9 ก.ย.)ที่ 1.86 บาท ท่ามกลางกระแสข่าวลือในห้องค้าหลักทรัพย์ว่า บริษัทอาจมีการร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศ เพื่อลงทุนในธุรกิจเครื่องสำอาง ก่อนหน้านี้บริษัทให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ต้องการขยายธุรกิจด้านความงามอย่างต่อเนื่อง โดยจะเข้าซื้อกิจการคลินิกเสริมความงามชื่อดัง อย่างวุฒิศักดิ์คลีนิก นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการในอีก กิจการเสริมความงามอีก 2-3 แห่ง ด้านนายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ กรรมการ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL กล่าวว่า บริษัทไม่ได้มีการเจรจากับนักลงทุนต่างชาติ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาโดยมองว่าปัจจุบันมีข่าวลือกับบริษัทค่อนข้างมากจึงอยากให้นักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการจากบริษัทเท่านั้น "กระแสข่าวในกลุ่มนักทุนที่ว่าจะมีการร่วมทุนกับนักลงทุนต่างประเทศและจะมีการแถลงข่าวในสัปดาห์หน้านั้นไม่เป็นความจริง โดยผมมองว่ากระแสข่าวต่างๆ ที่อยู่ในห้องค้ามีอยู่ค่อนข้างมาก ผมอยากให้นักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการกับทางบริษัท" เขากล่าวว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นมองว่า นักลงทุนอาจจะผูกความคาดหวังในการเข้าซื้อกิจการวุฒิศักดิ์คลีนิกว่าหากเกิดขึ้นแล้ว บริษัทต้องดำเนินการรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในความคืบหน้านั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งทุกอย่างจะสรุปได้ภายในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ภายในเดือนนี้ Tags : ฉาย บุนนาค • ก.ล.ต. • กล่าวโทษ • ปั่นหุ้น