'สาลินี'เล็งขอชดเชยหนี้เสียโครงการรัฐ

"เอสเอ็มอีแบงก์" เตรียมขอเงินชดเชยหนี้เสียที่เกิดจากโครงการภาครัฐ พร้อมเดินหน้าแก้หนี้เน่า 3.5 หมื่นล้าน

นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ธนาคารจะทำหนังสือไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาอนุมัติเงินชดเชยหนี้เสีย ที่เกิดจากโครงการภาครัฐหลายพันล้านบาท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ธนาคารจะใช้สิทธิขอเงินชดเชย แม้การปล่อยกู้ตามโครงการรัฐธนาคาร จะสามารถเบิกเงินชดเชยได้ แต่ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีแบงก์ไม่เคยเบิก ส่วนจะสามารถเบิกได้เมื่อใด ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังพิจารณา

การปล่อยกู้ตามนโยบายภาครัฐของธนาคาร แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.โครงการตามนโยบายที่ธนาคารสามารถเบิกเงินชดเชยได้ หากเกิดความเสียหาย และ 2. นโยบายรัฐบาลตามโครงการไทยเข้มแข็ง เช่นการปล่อยกู้ป้องกันการเลิกจ้าง การปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภัยการเมือง ไฟไหม้ น้ำท่วมเป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีจำนวนมาก แต่ยอดหนี้ไม่สูง

ธนาคารอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหาหนี้เสียตามแผนการฟื้นฟูกิจการ พร้อมกับการเดินหน้าสำรวจสถานะกิจการ (ดีลดิลิเจนท์) ซึ่งต้องหาผู้สอบบัญชีภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ คาดจะแล้วเสร็จทันกำหนดวันที่ 15 พ.ย. นี้ ซึ่งตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ส่งไป ธนาคารจะขอใช้สิทธิการเพิ่มทุน ตามที่คณะกรรมการชุดเดิมได้ขอคลังไว้ 2 พันล้านบาท เพราะหากดำเนินการได้ตามแผนฐานะธนาคารจะดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่มทุนให้เปลืองภาษี

ปัจจุบันธนาคารมีหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลอยู่ 3.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 38% ของสินเชื่อรวมที่มีอยู่ 8.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้ที่เลิกกิจการแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ธนาคารจะดำเนินการขายหลักประกันออก ส่วนที่เหลืออีก 1.5 หมื่นล้านบาท ยังคงประกอบกิจการอยู่ ต้องมีการปรับโครงสร้าง และทำให้ลูกค้ามาชำระหนี้

"ธนาคารจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาจ้างบริษัทภายนอกมาดำเนินการติดตามหนี้จากลูกค้ารายย่อยให้กับธนาคาร เพราะลูกค้าในกลุ่มนี้มีจำนวนมากถึง 2 หมื่นราย แต่ยอดหนี้ไม่สูง โดยต่อรายอยู่ประมาณหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท หากให้พนักงานธนาคารทำเองคงไม่ไหว น่าจะให้บริษัทที่ทำในด้านอยู่แล้วมาทำ เหมือนกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ"

สำหรับแผนงานปี 2558 คาดว่า สินเชื่อจะเติบโต 12% ซึ่งเติบโต 2.5-3 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่คาดจะเติบโตในระดับ 4-5% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อใหม่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และทำให้ยอดสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท

ส่วนการปล่อยสินเชื่อในเดือนส.ค. ทรงตัว เพราะเป็นช่วงที่ยังไม่มีคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามา ขณะที่กระบวนการปล่อยสินเชื่อต้องใช้เวลานาน ล่าสุดเฉลี่ยการอนุมัติสินเชื่อใช้เวลา 14 วัน จะพยายามปรับลดลงให้เหลือประมาณ 10 วัน

"แม้ธนาคารจะอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาตามแผนฟื้นฟูกิจกิจการ แต่ธนาคารยังสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีได้ โดยยังมีเอสเอ็มอีจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านราย จากทั้งหมด 2.7 ล้านราย ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ ล่าสุดได้เตรียมวงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท ออกสินเชื่อ 9 ประเภทให้กับเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการ สินเชื่อ 9 เมนู คืนความสุขเอสเอ็มอี"

Tags : สาลินี วังตาล • เอสเอ็มอีแบงก์ • ชดเชยหนี้ • โครงการภาครัฐ