"ระยองไวร์ อินดัสตรีส์" วางงบลงทุน 200 ล้านบาท ภายในปี 2559 ดันกำลังผลิตแตะ 5-6 พันตันต่อเดือน นายเชนินทร์ เชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) ผู้ผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กกล้าและลวดเหล็กกล้าตีเกลียวสำหรับคอนกรีตอัดแรง กล่าวว่า บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5,000-6,000 ตันต่อเดือน ภายในปี 2559 โดยจะลงทุนระยะแรกในปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า และในช่วงปลายปี 2558 จะขยายกำลังการผลิตอีกครั้ง งบลงทุนสำหรับการขยายกำลังการทั้งสิ้น 200 ล้านบาท แหล่งเงินลงทุนมาจากเงินจากการขายหุ้นไอพีโอบางส่วน และเงินจากเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ ภายหลังการขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จในปี 2559 จนมีกำลังการผลิต 5,000-6,000 ตันต่อเดือนแล้ว บริษัทจะขึ้นมาเป็นผู้ผลิตลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง อันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรม แทนที่บริษัท บางกอกไวร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ปัจจุบัน ผู้นำในตลาดนี้คือบริษัท สยามลวดเล็ก มีส่วนแบ่งการตลาด 30%, บริษัท ไทยไวร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 20%, บริษัท บางกอกไวร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 15% และบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ มีส่วนแบ่งการตลาด 10% อันดับที่ 5 คือบริษัทสยามไวร์ นายเชนินทร์กล่าวว่า แผนการเพิ่มกำลังการผลิต จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกคือช่วงปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของคอขวด ใช้เงินลงทุนประมาณ 140 ล้านบาท แหล่งเงินมาจากการขายหุ้นไอพีโอ และเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้งในปลายปี 2558 และเริ่มเดินเครื่องในปี 2559 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิต 5,000-6,000 ตันต่อเดือน แหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าจะรายได้รวมในปี 2558 จะเติบโต 20% และในปี 2559 รายได้รวมจะเติบโตถึง 40% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น "ส่วนผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง ซึ่งจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีกมาก ภายหลังจากที่รัฐบาลมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งล้วนมีลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงเป็นส่วนประกอบหลัก ก่อนหน้านี้ตลาดลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงจะเติบโต 5% ต่อปี แต่เมื่อมีนโยบายการลงทุนเพิ่ม คาดหวังว่าตลาดรวมจะโตถึง 20% ต่อเนื่อง 2-3 ปี และเมื่อรองรับความต้องการในประเทศแล้ว บริษัทก็มีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เน้นประเทศเพื่อนบ้าน" เขากล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2557 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 1,000 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 5-10% เนื่องจากมีความต้องการด้านโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชน โดยนายเชนินทร์มองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 426.3 ล้านบาท จากสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ มีความมั่นใจในการลงทุนก่อสร้าง ส่งผลให้มีความต้องการใช้เหล็กมากขึ้น ประกอบกับจากการที่รัฐบาลมีการเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นั้น จะส่งผลดีกับบริษัท Tags : เชนินทร์ เชน • ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ • เหล็ก