(รายงาน) สำนักงบฯเร่งราชการทุกส่วน ส่งแผนลงทุน-ใช้จ่ายเกิน500ล้าน พรุ่งนี้ หลังจากเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลาง ได้ส่งหนังสือหัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องการกันเงินงบเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปีงบ 2557 โดยมีข้อกำหนดให้กันเฉพาะงบที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อทำให้การเบิกจ่ายในช่วงนี้สูงขึ้นมาก จากเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา งบยังเหลือค้างเกือบ 6 แสนล้านบาท แต่มาช่วงต้นเดือนก.ย.เหลือเพียงกว่า 4 แสนล้านบาท จึงคาดว่า จนถึงสิ้นเดือนก.ย.จะเหลืองบประมาณที่ยังเบิกไม่หมดประมาณ 2 แสนล้านบาท นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า งบที่เบิกไม่หมดดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะให้กันไว้หากเป็นไปตามข้อกำหนด และถ้าไม่มีหน่วยงานขอกันมา เงินดังกล่าวจะอยู่ในเงินคงคลังต่อไป ซึ่งหน่วยงานที่จะขอกันงบ ต้องแจ้งข้อมูลมาให้กรมบัญชีกลางทราบภายในวันที่ 24 ต.ค.นี้ โดยอนุมัติให้กันงบได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมี.ค.2558 "ล่าสุดหน่วยงานราชการเร่งรัดการเบิกจ่ายประจำปี 2557 ที่กำหนดไว้ 2.525 ล้านล้านบาทแล้วกว่า 81% คิดเป็นงบที่เบิกจ่ายไปแล้ว 2.034 ล้านล้านบาท ทำให้เหลืองบที่ยังไม่เบิก 4.9 แสนล้านบาท คาดจนถึงวันสุดท้ายของงบประมาณ 30 ก.ย. จะเหลืองบที่เบิกจ่ายไม่หมด 2 แสนล้านบาท ตรงนี้ส่วนหนึ่งจะให้กันเป็นงบที่ไปเบิกจ่ายปี 2558 โดยปีงบประมาณนี้จะสามารถเบิกจ่ายได้ในระดับ 92.38% ต่ำกว่าจากเป้าการเบิกจ่ายที่ 95% เพียงเล็กน้อย" ส่วนการเบิกจ่ายงบ 2558 นั้นกรมบัญชีกลาง ได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจและผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) ได้มีการยกเว้นกรณีมีการอุทธรณ์ผลการพิจารณาคัดเลือกเบื้องต้น ให้หน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยไม่ต้องระงับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้หัวหน้าหน่วยงานพิจารณาตามความเหมาะสม คาดจะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น จากเดิมต้องรอให้ผลการอุธรณ์ออกมาก่อนจึงจะเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างได้ สำนักงบประมาณ ส่งหนังสือไปยังหน่วยราชการให้ทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมการจัดซื้อจัดจ้าง หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณ ผ่านการพิจารณาวาระที่ 2 ไปแล้ว คือตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. เป็นต้นไป สำหรับกรณีจัดซื้อจัดจ้างไม่เกิน 500 ล้านบาท ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) พร้อมทั้ง ให้เร่งเบิกจ่ายงบอบรม ประชุม สัมมนาภายในไตรมาส 1 ไม่น้อยกว่า 50% พร้อมกันนี้ ยังให้ส่วนราชการเร่งดำเนินการโอนงบประมาณที่ดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดไปยังสำนักงานภูมิภาคนั้นๆ ตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้อย่างช้าไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และให้ส่วนราชการรายงานผลการปฏิบัติงาน และผลการใช้จ่ายงบประมาณ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐเป็นรายเดือนและรายไตรมาส เพื่อให้สำนักงบประมาณรวบรวมความคืบหน้าเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายไตรมาสต่อไป เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2 หากส่วนราชการใช้งบไม่เป็นไปตามแผนให้ทบทวนแผนปฏิบัติงานเสนอต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด และส่งมาให้สำนักงบประมาณพิจารณาเห็นชอบ ถ้าจะยืนยันทำตามแผนเดิมต้องชี้แจงเหตุผลจำเป็น แต่หากไม่ดำเนินการต่อ ก็ให้เปลี่ยนแปลงไปทำในรายการที่มีความพร้อมภายใต้ยุทธศาสตร์ และวัตถุประสงค์เดิม โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 เม.ย.2558 ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดเป้าการเบิกจ่าย งบประมาณในปีงบ 2558 ที่กำหนดไว้ 2.575 ล้านล้านบาท รัฐบาลมีเป้าหมายเบิกจ่ายรวมไว้ที่ 96% ส่วนการเบิกจ่ายงบประจำ ตั้งเป้าไว้ที่ 98% ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนตั้งเป้าไว้ที่ 87% โดยในไตรมาสแรกในปีงบ 2558 หรือช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2557 เป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีปฏิทิน 2557 นั้น ตั้งเป้าเบิกจ่ายไว้ที่ 35% หรือประมาณ 9 แสนล้านบาท โดยเป็นรายประจำ 34% หรือ 7.35 แสนล้านบาท และรายจ่ายลงทุนที่ 37% หรือ 1.66 แสนล้านบาท "หากเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย และเมื่อรวมกับการเร่งรัดงบกันอีกกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น ทำให้งบประมาณจากรัฐบาลลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถึง 1 ล้านล้านบาท ทำให้ช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้ และน่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจปีนี้ให้โตตามเป้าหมาย 2% ได้ โดยคงต้องรอดูว่าหลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้วนอกจากเรื่องการล้างท่องบแล้ว รัฐบาลจะใช้นโยบายใดออกมากระตุ้นการบริโภคอีกหรือไม่" ส่วนแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการจะเห็นโครงการกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจกิจและสังคมแห่งชาติ (สศค.) กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยในส่วนของกระทรวงการคลังได้การบ้านมาให้ช่วยคิดเช่นกัน แนวทางที่คาดว่านำมาใช้ทันทีคือการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ จะเป็นส่วนหนึ่งในแพคเกจที่จะออกมา ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์เห็นชอบแล้ว โดยให้ปรับขึ้นทั้งค่าครองชีพและเงินเดือนสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยเตรียมวงเงินตรงนี้ไว้กว่า 2 หมื่นล้านบาท และสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เร่งจัดทำแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนมานำเสนอ เพราะจะให้มีผลทันที 1 ต.ค.นี้ เพื่อซื้อใจข้าราชการหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่มารับตำแหน่ง และเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมแถลงข่าวในเรื่องนี้อยู่ นอกจากนี้ในส่วนของการท่องเที่ยวนั้นทางกระทรวงการคลังเห็นชอบให้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมา 15,000 บาทมาลดหย่อนภาษีปี 2557-2558 ส่วนเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมสัมมนาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า Tags : กรมบัญชีกลาง • ราชการ • มนัส แจ่มเวหา • สำนักงบประมาณ