'มาลายัน แบงก์กิ้ง' ประเมินภาวะแวดล้อมมีเสถียรภาพในไทย ความต้องการขายหุ้นเพิ่มทุนมีมาก ช่วยไอพีโอคึกคัก ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและช่วง1เดือนก่อนหน้านี้ มีผู้เชี่ยวชาญตลาดการขายหุ้นครั้งแรกให้แก่ประชาชนทั่วไป หรือ ไอพีโอ ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมไทย หลายรายออกมาให้ความเห็นถึงแนวโน้มของความต้องการทำไอพีโอในภูมิภาคนี้ ซึ่งล่าสุด จอห์น ชอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ฝ่ายวาณิชธนกิจของมาลายัน แบงกิ้ง เบอร์ฮัด ให้ความเห็นถึงตลาดไอพีโอในอาเซียนช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าจะคึกคัก และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก ซีอีโอของมาลายัน แบงก์ เบอร์ฮัด กล่าวคาดการณ์ว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะมีบริษัทเอกชนและบริษัทจดทะเบียนในตลาดมาเลเซีย ต้องการออกไอพีโอและขายหุ้นเพิ่มทุนมากขึ้น ขณะที่ความมีเสถียรภาพในตลาดไทยช่วยกระตุ้นให้ตลาดวาณิชธนกิจในอาเซียนพลิกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น "เรามองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างในตลาดปรับตัวดีขึ้น ความต้องการระดมทุนหรือขายหุ้นเพิ่มทุนในมาเลเซียและสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในประเทศไทยความมีเสถียรภาพมีมากขึ้น การเลือกตั้งในอินโดนีเซียก็จบลงแล้ว ทำให้เราเห็นว่ามีดีลไอพีโอหรือการขายหุ้นเพิ่มทุนมีมากขึ้นเช่นกัน" ชองกล่าว มาลายัน แบงกิ้ง เบอร์ฮัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระบุในเดือนส.ค.ปีนี้ว่า กำไรของธนาคารในไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น และดีขึ้นจากระดับแย่สุดนับตั้งแต่ปี2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจวาณิชธนกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว ชองกล่าวคาดการณ์ว่า ยังมีดีลการออกไอพีโออีกมากมายในอาเซียน โดยเฉพาะสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยทั้งสองตลาดจะมีการออกตราสารหนี้ เพื่อการระดมทุนมากขึ้น ถือว่าเป็นแนวโน้มสดใสสำหรับธุรกิจวาณิชกิจภายในภูมิภาคด้วยเช่นกัน ๐ศก.ไทยฟื้นหนุนตลาดไอพีโอ ทั้งนี้ชองกล่าวว่า มาลายัน แบงกิ้ง เบอร์ฮัด มองตลาดไอพีโอและการขายหุ้นเพิ่มทุนในไทย ฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว เขาค่อนข้างมองแง่ดีว่า หากพลวัตขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ไปตลอดช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ย่อมจะส่งผลดีต่อผู้เกี่ยวข้องกับการออกไอพีโอและการระดมทุน สำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่าเศรษฐกิจไทยซึ่งเป็นตลาดที่มาลายัน แบงกิ้ง เบอร์ฮัด มีรายได้ 30% จากการทำธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์นั้น ขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 2 หลังจากก่อนหน้านี้จีดีพีไตรมาสแรกหดตัว อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณว่าฟื้นตัวดีขึ้น ภายหลังจากการเมืองในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อปลายเดือนพ.ค.ปีนี้ ก่อนหน้านี้ในปลายเดือนมิ.ย. ประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด แสดงความเชื่อมั่นว่าไอพีโอในไทยช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ยังดี เพราะความเชื่อมั่นกลับมา รวมถึงการบริโภคกลับมา และมีเงินหมุนเวียนในระบบส่งผลให้มีการจับจ่ายลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐกลับมา ส่งผลบวกต่อภาพรวมตลาด "ตอนนี้ความเชื่อมั่นดีขึ้น เพราะการเมืองดีขึ้น เเละศักยภาพในไทยมีสูง และช่วงปีที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยสูง ด้วยปัจจัยหนุนเรื่องการเกิดเออีซี ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน ส่วนบริษัทไทยเองลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และเท่าที่สัมผัส นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย" ด้าน สมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส มองว่าภาวะตลาดหุ้นไอพีโอปีนี้ ซึ่งไม่นับรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งในด้านของจำนวนบริษัท (บจ.) และมูลค่าการระดมทุน เพราะขณะนี้ มีบริษัทอีกจำนวนมากต่อแถวยาวเพื่อยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเชื่อว่าครึ่งปีหลัง จะมีหุ้นจองออกมาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่าบล.ฟินันเซีย ไซรัส มีหุ้นไอพีโอในมือ 2-3 บริษัท เตรียมเข้าตลาดหุ้นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงบริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ซึ่งดำเนินธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่าย และให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบงานไฟฟ้าจะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สำหรับหุ้น CSS ทั้ง 200 หุ้น จะจัดสรรให้แก่นักลงทุนรายบุคคลในประเทศทั้งจำนวน โดยกลางเดือน ส.ค.นี้ เดินสายโรดโชว์ใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ และคาดว่าจะเข้าเสนอขายได้ภายในไตรมาส 3 นี้ ๐ไอพีโอจีนคึกไม่แพ้อาเซียน ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนก.ค.ปีนี้ ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PWC) หรือ พีดับบลิวซี คาดว่า ตลาดไอพีโอของจีน จะปรับขึ้นอย่างมากช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พีดับบบลิวซีคาดว่า จะมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนราว 100 แห่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ซึ่งคาดว่า จะระดมทุนได้ระหว่าง 7 หมื่น - 1.2 แสนล้านหยวน หรือ 1.1-1.9 พันล้านดอลลาร์ โดยตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้จะสามารถดึงดูดบริษัทจดทะเบียนได้ 20 แห่ง ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้นจะดึงดูดบริษัทจดทะเบียนได้เกือบ 80 แห่ง และพีดับบลิวซียังคาดว่า ราคาเทียบกำไร (PE) หรือ ค่าพีอีโดยเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนจีนในปี 2557 จะลดลงมาอยู่ในช่วง 20-40 เท่า ฌอน ซัน หุ้นส่วนของพีดับบลิวซีในจีน กล่าวว่า ค่าพีอีของบริษัทจีนจะกลับมาอยู่ในระดับที่สมเหตุผลในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ที่มีบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 52 แห่ง ยอดระดมทุนอยู่ที่ 3.52 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลง 50% และ 55% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 ในรายงานของพีดับบลิวซี ระบุว่าปริมาณการระดมทุนโดยเฉลี่ย ได้ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ สาเหตุของการปรับตัวลงของไอพีโอช่วงที่ผ่านมา เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ และบรรยากาศการใช้กฎระเบียบควบคุมของทางการจีน แฟรงค์ ลิน ผู้อำนวยการตลาดจีนและฮ่องกงของพีดับบลิวซี กล่าวว่าบริษัทสังเกตเห็นบรรยากาศความไม่แน่นอนเรื่องกฎระเบียบ มีผลกระทบต่อกลยุทธ์การวางแผนของบริษัท และพัฒนาการของตลาดทุน ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าเจ้าหน้าที่กำกับกฎระเบียบเกี่ยวกับหลักทรัพย์ของจีนได้ระงับการออกไอพีโอของบริษัทต่างๆอย่างสมบูรณ์ เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการและได้กลับมาดำเนินการต่อในเดือนม.ค. ปีนี้ Tags : มาลายัน แบงก์กิ้ง • ไทย • สิงคโปร์ • อาเซียน • ไอพีโอ