บลจ.ทหารไทยประเมินแรงเทขายในตลาดหุ้นเกิดจาก ทริกเกอร์ฟันด์ ถือเป็นเรื่องปกติ มองพื้นฐานตลาดยังดี นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย จำกัด ให้ความเห็นเกี่ยวกับแรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น 2-3 วันก่อนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หากเกิดจากนักลงทุนสถาบันในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่ามองว่ากองทุนทุบหุ้น นักลงทุนสถาบันไม่ได้มีเฉพาะกองทุนรวม ยังมีประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และประกันสังคม เป็นต้น แต่หากโฟกัสในกลุ่มของกองทุนรวมแล้ว การขายของกองทุนรวม โดยเฉพาะที่เป็นกองทุนบริหารเชิงรับ (Passive Fund) จะไม่ขายหากนักลงทุนไม่ขาย แต่ถ้านักลงทุนขายกองทุนก็ต้องขายเพื่อนำเงินมาส่งมอบคืนให้กับนักลงทุน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถขายกองทุนออกมาได้เป็นปกติ หรืออีกกรณีหนึ่งจะเป็นกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ (Trigger Fund) เพราะเหมือนถูกบังคับให้ขายเมื่อถึงเป้าหมาย แต่โดยปกติแล้วก็จะเป็นการทยอยขายไม่ใช่เทขายในวันเดียวแน่นอน ส่วนนักลงทุนสถาบันกลุ่มอื่นจะมีการขายเมื่อมีการเปลี่ยนมุมมองใหญ่มากกว่า “หากมองพื้นฐานตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน ถือว่ายังมีพื้นฐานที่ดี และแนวโน้มในปีหน้าก็ยังดี สำหรับนักลงทุนที่สนใจก็มองโอกาสย่อตัวในการทยอยเข้าลงทุนได้ แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวในหุ้นจริงๆ มองไป 10 - 30 ปี ระดับดัชนีปัจจุบันสามารถลงทุนได้อยู่แล้วหากเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องทุกปี” ด้านนายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เห็น น่าจะเป็นมาจากกลุ่มกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เป็นหลัก เพราะเมื่อถึงเป้าหมายกองทุนก็ถูกบังคับขายโดยปกติ แต่แรงขายของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์คงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวมเท่าไรนักเพราะมีขนาดเม็ดเงินที่ไม่ใหญ่มาก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ปัจจุบันก็มองว่าตลาดหุ้นยังยืนได้ และไม่น่าจะปรับตัวลงแรง บริษัทมองเป้าหมายดัชนีปีหน้าไว้ประมาณ 1,680 จุด ในขณะที่ในตลาดเองก็มองไว้ใกล้เคียงกันประมาณ 1,600 จุด ปลายๆ ถึง 1,700 จุด ดังนั้นก็ยังมีโอกาสในขาขึ้นอีกประมาณ 8- 10% หากตลาดย่อตัวและมีโอกาสในการออกกองทุนบลจ.ที่สนใจก็คงจะออกเช่นกัน เขากล่าวแต่แรงขายของทริกเกอร์ฟันด์ คงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเท่าไรนัก เพราะมุมมองของนักลงทุนต่อทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคตค่อนข้างดี ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยแล้วด้วย ดังนั้นตลาดหุ้นปรับตัวลงมาก็คงไม่แรงนัก "หากตลาดย่อเข้ามาใกล้ระดับ 1,500 จุดต้นๆ บริษัทก็อาจจะพิจารณาออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เช่นกัน แต่ด้วยภาพรวมของตลาดที่อาจจะยังผันผวน คงทำให้การกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไม่สูงมากนัก และพยายามที่จะทำให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นมากกว่า ส่วนกลุ่มหุ้นที่ยังน่าสนใจคงเป็นหุ้นที่อิงกับโครงการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ยังลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารและพลังงานอยู่” Tags : ไพศาล ครุฑดำรงชัย • บลจ. • ตลาดหุ้น • ทริกเกอร์ฟันด์