เอกชนเชื่อมั่นฝีมือ'ครม.ใหม่'

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 7 กันยายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เอกชนเชื่อมั่นฝีมือ "ครม.ใหม่" ปลุก ศก.กระเตื้อง-แนะเลิกอัยการศึก

    รายการ Ringside สังเวียนหุ้น ทางสถานีโทรทัศน์ NOW26 ตอน "เศรษฐกิจไทยหลังมีรัฐบาลใหม่" ภาคเอกชนเชื่อมือ ครม.ประยุทธ์ บริหารประเทศทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัว และภาพรวมดีกว่าช่วงก่อนการยึดอำนาจ "กรุงเทพธุรกิจ"สรุปสาระสำคัญมานำเสนอ

    นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความมั่นใจในรัฐบาลทหารมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากขึ้น สังคมสงบ งานทุกอย่างสามารถเดินหน้าได้รวดเร็ว จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปจะดีขึ้นต่อเนื่อง

    ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งรัด คือ การพัฒนาและส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ เพราะต้องยอมรับว่ายอดขายของภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมาลดลง โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และกลุ่มค้าปลีก พร้อมกันนี้ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เชื่อว่าหากมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีรัฐมนตรีประจำกระทรวงที่มีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจปีหน้าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเอกชนยินดีที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างเต็มที่

    "เท่าที่เราคุยๆ กับภาคเอกชน เขาค่อนข้างมั่นใจรัฐบาลทหารชุดนี้มากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมาเสียอีก เพราะอย่างที่เห็นกันว่าสถานการณ์ทุกอย่างในตอนนี้ดีกว่าก่อนที่ คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เข้ามาคุมอำนาจมาก สิ่งที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีต้องมีคือความขยัน ความมุ่งมั่น ต้องทำงานเป็นแบบบูรณาการในทุกกระทรวง เพราะตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำงานเพื่อประเทศ" นายสนั่น กล่าว

    แนะเลิกกฎอัยการศึก

    รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวต่อว่า ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้ ในส่วนของนักลงทุนแถบเอเชียแทบไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพราะทุกคนเหมือนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองในแต่ละประเทศ และไม่กังวลเรื่องการเมืองเท่าใดนัก แต่ในส่วนของนักลงทุนแถบยุโรปและอเมริกา แม้จะมีความเชื่อมั่นการลงทุนกับประเทศไทยมากขึ้น แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับกฎอัยการศึกอยู่ โดยส่วนตัวมองว่าควรยกเลิกกฎอัยการศึก หรือเหลือไว้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น

    "เมื่อมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพในการทำงาน มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เป็นรูปเป็นร่าง มีนโยบายการทำงานที่ชัดเจน มีโรดแมพเศรษฐกิจ และโรดแมพทางการเมืองที่ชัดเจน ความเชื่อมั่นก็ย่อมกลับมา ซึ่งนโยบายของรัฐบาลใหม่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ มาดูแลเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ" รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุ

    เชื่อ ศก.ไทยค่อยๆฟื้นตัว

    นายสนั่น กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นกว่าช่วงก่อนที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง แม้จะไม่ได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการค่อยๆ ฟื้นตัวก็ตาม แต่ถึงกระนั้นไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นแบบวีเชพ (รูปตัว V) เพราะสัญญาณเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ยังไม่มีทิศทางว่าจะเป็นแบบนั้น

    ทั้งนี้ ประเมินว่า เศรษฐกิจปี 57 จะอยู่ระดับ 2% ใกล้เคียงกับตัวเลขการส่งออก และเมื่อมีแรงกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐช่วยผลักดันเศรษฐกิจแล้ว จะช่วยให้จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ของปีหน้าเติบโตประมาณ 4.5-5% ได้

    ขณะเดียวกันรัฐบาลควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มเอสเอ็มอี (วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน รวมถึงการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้ง โดยสัดส่วนเอสเอ็มอีไทยปัจจุบันอยู่ที่ 97.2% ของธุรกิจทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีสัดส่วนเพียง 2.8% เท่านั้น

    "เรามองว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว เพราะการที่คนเพิ่งออกจากไอซียูมันเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งเลย เราต้องค่อยๆ เดิน ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเราจะเดินได้เร็วเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐ เพราะการส่งออกยังไม่ดี ขณะที่การท่องเที่ยวก็ยังหวังมากไม่ได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติยังกังวลเรื่องกฎอัยการศึกอยู่" นายสนั่น ระบุ

    มั่นใจโฉมหน้ารัฐบาลใหม่

    ด้าน นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีความมั่นคง และเมื่อเห็นโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่าจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ทั้งนี้ เห็นว่าหน้าตา ครม.ใหม่ถือว่าดี เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและทุกฝ่ายให้การยอมรับ จากนี้ต่อไปคงต้องรอให้เวลาพิสูจน์การทำงานของรัฐมนตรีแต่ละท่าน รวมถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากนโยบายของรัฐมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจในปีหน้า และจะทำให้ภาพเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้น

    "ตอนนี้คนก็ไม่ได้ให้น้ำหนักความสำคัญในเรื่อง ครม.ใหม่แล้ว เพราะได้เห็นหน้าค่าตากันแล้ว สิ่งที่คนรอดูจากนี้คือการใช้จ่ายของรัฐบาล เพราะจะสามารถนำไปวิเคราะห์การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตได้ และทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีความมั่นใจในการลงทุน รวมทั้งเป็นแรงดันสำคัญเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป" นายเชาว์ ระบุ

    "อยู่นาน"ขึ้นกับผลงาน

    กรณีที่บางคนบางกลุ่มมองว่า การทำงานของรัฐบาลอาจยืดเยื้อมากกว่ากรอบเวลาที่วางไว้ 1 ปีเศษนั้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ต้องกังวล เพราะเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะมีคำอธิบายที่ชัดเจนให้กับประชาชนได้ ขณะเดียวกันหากช่วงเวลาการทำงานตามกรอบขอรัฐบาลสามารถเดินหน้าการทำงานได้อย่างดี ประชาชนก็จะปราศจากข้อสงสัย ทุกอย่างอยู่ที่การทำงานตั้งแต่วันนี้จนถึงจุดนั้น

    คาดเศรษฐกิจโตเป็นวีเชพ

    นายเชาว์ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/2557 จะฟื้นตัวเป็น "วีเชพ" ได้ เนื่องจากฐานของปีที่ผ่านมาค่อนข้างต่ำ เมื่อได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการอัดฉีดเงินจำนวนมากของรัฐบาลก็จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้แรง

    อย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างต่ำ ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยอาจมีการทบทวนตัวเลขประมาณการจีดีพีในปีนี้ลงเหลือประมาณ 1.3% ภายใต้สมมติฐานที่ยังไม่รวมการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ แต่ถ้ารวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐด้วยแล้ว น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 2%

    "เรามองว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้รัฐบาลน่าจะมีการเร่งการเบิกจ่ายออกมาได้ระดับ 26-30% ซึ่งจะทำให้จีดีพีเราเติบโตมาก แต่เมื่อหักลบกับการส่งออกที่ชะลอตัว เราก็มองว่าจีดีพีจะโตที่ระดับ 2% ได้ ส่วนปีหน้าเรายังมองไว้ที่ระดับเดิมคือ 4% ขณะที่ธปท. (ธนาคารแห่งประเทศไทย) มองไว้ที่ระดับ 5.5%" กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าว

    ลุ้นสัปดาห์หน้าหุ้นแตะ 1,600 จุด

    นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนและไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่เด่นชัดมาสนับสนุนการลงทุน แม้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% จากระดับเดิมที่ 0.15% เหลือ 0.05% เพื่อกระตุ้นให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้นก็ตาม แต่ก็ไปเป็นตามคาดการณ์ว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เท่านั้น

    ส่วนสถานการณ์ในประเทศที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก แต่ท้ายที่สุดแล้วยังไม่มีประกาศยกเลิก ทำให้ไม่มีปัจจัยบวก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วคงต้องมีประกาศยกเลิก เพียงแต่ว่าจะเร็วแค่ไหน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า

    ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าคาดว่าหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในแดนบวกต่อ เพื่อรอรับข่าวดีที่คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น คาดว่า คสช.จะยกเลิกกฎอัยการศึก และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง มองว่าช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาจผันผวนในกรอบแคบๆ เพื่อรอความชัดเจนต่อประเด็นต่างๆ แต่คาดว่าท้ายที่สุดแล้วน่าจะมีความชัดเจนในทางที่ดีและจะผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบ 1,600 จุดได้

    ด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯ คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นในสัปดาห์หน้าว่า ดัชนีอาจเผชิญแรงขายทำกำไร โดยอาจมีการปรับตัวผันผวนหลังจากหมดปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะเข้ามาหนุนการปรับขึ้นของตลาด คาดว่าดัชนีมีแนวรับ 1,572 และ 1,530 จุด แนวต้าน 1,594 และ 1,610-1,620 จุด โดยนักลงทุนคงจะรอติดตามการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พร้อมติดตามตัวชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ และตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์หน้า

    Tags : สนั่น อังอุบลกุล • เอกชน • กรุงเทพธุรกิจ • หอการค้าไทย • ครม. • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา • สมชาย เอนกทวีผล • เชาว์ เก่งชน

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้