ธนาคารใหญ่ 6 แห่ง ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลครึ่งแรก 1.5 หมื่นล้านบาท โบรกแนะทยอยซื้อก่อนแขวน XD ตามที่ธนาคาร 6 แห่ง ประกาศเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปีนี้ พบว่า การจ่ายปันผลครั้งนี้มีมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท โดยแบงก์ที่มีการประกาศจ่ายดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ ปันผลหุ้นละ 2 บาท มีหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น 1.9 พันล้านหุ้น มูลค่าการจ่ายรวม 3.87 พันล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้นที่จดทะเบียน 6.07 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 2.42 พันล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย ปันผล 0.50 บาท จำนวนหุ้นที่จดทะเบียน 2.39 พันล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.19 พันล้านบาท ธนาคารเกียรตินาคิน ปันผล 0.50 บาท จำนวนหุ้นจดทะเบียน 840 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 420.23 ล้านบาท ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปันผล 0.25 บาท จำนวนหุ้นที่จดทะเบียน 10,798.19 ล้านหุ้น มูลค่ารวม2,699.55 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ ปันผล 1.5 บาท หุ้นที่จดทะเบียน 3.39 พันล้านหุ้น มูลค่า 5.09 ล้านบาท บล.เคเคเทรด กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ 3 แบงก์ใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพ กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ เพื่อดักเก็งกำไรก่อนขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิ์เงินปันผล (XD) ในสัปดาห์หน้า และช่วงนี้จะเริ่มว่าราคาหุ้นแบงก์เริ่มขยับขึ้นมาพอสมควร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ น่าจะฟื้นตัวตามคาด แต่ราคาหุ้นเริ่มมีโอกาสปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด การเติบโตของสินเชื่อและข้อมูลคุณภาพสินเชื่อช่วงที่ผ่านมา ยังเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร โดยความต้องการสินเชื่อเริ่มฟื้นในไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่คุณภาพสินเชื่อเริ่มทรงตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นมา และจะดีขึ้นภายในสิ้นปีนี้ แต่กลุ่มธนาคารซื้อขายกันที่ 1.6 เท่าราคาเทียบมูลค่าหุ้นตามบัญชี ซึ่งถือว่าเริ่มแพงและไม่ค่อยน่าสนใจแล้ว ราคาปัจจุบัน หุ้นแบงก์กรุงเทพ เป็นเพียงตัวเดียวที่ ราคายังไม่สูงจนเกินไปตัวเลขเอ็นพีแอล แสดงให้เห็นว่าเริ่มทรงตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ จากข้อมูลของ ธปท. แสดงให้เห็นว่า ตัวเลขเอ็นพีแอลของกลุ่มแบงก์ เริ่มคงที่และดีขึ้นแล้ว พร้อมทั้งเห็นการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลที่ดีขึ้นของธนาคารต่างๆ แต่มีเพียงในกลุ่มอสังหาฯ เหมือง และยานยนต์ ที่ยังคงเห็นการเพิ่มขึ้นของตัวเลขเอ็นพีแอล แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง สำหรับความต้องการสินเชื่อ เริ่มฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับสภาพคล่องที่เริ่มเพียงพอ ฝ่ายวิจัยยังคงระดับประมาณการการเติบโตของกำไรที่ 12-13% สำหรับปี 2558-2559 ส่วนหนี้ภาคครัวเรือนจะเริ่มควบคุมได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ อัตราส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อจีดีพีเริ่มทรงตัวที่ 81% ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2556-ไตรมาส 4 ปี 2557 หลังเพิ่มขึ้นจาก 60% ในปี 2553-2554 ไปเป็น 78% ในครึ่งปีแรกของปี 2556 เพราะความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคตกลง เพราะความวุ่นวายทางการเมือง แม้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ และความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวขึ้นใน ไตรมาส 2 ปีนี้ "มองว่าหนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพี ยังอยู่ที่ระดับนี้ต่อไปในระยะสั้น เพราะการเติบโตสินเชื่อยานยนต์ยังคงถูกชะลอตัว เกณฑ์การรับประกันวงเงินสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และนโยบายรัฐที่มุ่งกระตุ้นธุรกิจเอสเอ็มอี และบริษัทในอุตสาหกรรม ค้าปลีก" ทั้งนี้ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกใน 6-12 เดือนข้างหน้า กลุ่มธนาคารปัจจุบันซื้อขายกัน 1.6 เท่าของราคาเทียบมูลค่าทางบัญชี และ 10.4 เท่าพีอีเรโช สำหรับปีนี้และปีหน้า และกลุ่มธนาคาร ยังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ ที่จะเร่งผลประกอบการของกลุ่มธนาคารในระยะใกล้นี้ และปัจจัยด้านการเมืองที่เริ่มเป็นบวกมากขึ้นก็ถูกสะท้อนในราคาหมดแล้ว ในระดับราคาปัจจุบัน การประเมินมูลค่าในตอนนี้อาจเป็นเพียงปัจจัยเดียวในระยะสั้นที่จะทำให้ราคาหุ้นไปต่อได้ ในมุมมองของบล.ทิสโก้ แนะนำหุ้นแบงก์กรุงเทพ เป็นหุ้นที่น่าสนใจที่สุดจากราคาที่ยังเพิ่มขึ้นไม่เท่าตัวอื่นๆ ในกลุ่มและราคายังไม่แพง สำหรับปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มได้แก่ความล้มเหลวหรือสำเร็จ ในการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองของคสช. รวมถึงความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ และกฎเกณฑ์ของธนาคารที่อาจเข้มงวดขึ้น Tags : ธนาคารพาณิชย์ • จ่ายปันผล • ตลาดหุ้น