หุ้นอิชิตันพุ่งแรงสวนภาพรวมตลาดหุ้นไทยผันผวน หลังประกาศกฎอัยการศึก ขณะที่ผู้บริหารบริษัทฉวยจังหวะหุ้นที่ราคาใกล้ระดับสูงสุด 5 แสนหุ้น การเคลื่อนไหวราคาหุ้นอิชิตัน เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2557 ราคาหุ้นผันผวนและปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สวนทางภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง หลังจากที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ข้อมูลจากสำนักงานก.ล.ต.ระบุว่า นายปรีชา อัจฉรานนท์ กรรมการ บริษัท อิชิตัน (ICHI) ได้รายงานการขายหุ้น 0.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 26.01 บาท มูลค่ารวม 13 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าว ใกล้ระดับราคาสูงสุดที่ 27 บาท ขณะเดียวกัน พบว่าผู้บริหารบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) ทำรายการขายหุ้นรวม 0.2 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 2.8 ล้านบาท นำโดยนายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการ ขายหุ้น 0.27 ล้านหุ้น ราคา 9.94 บาท มูลค่ารวม 2.73 ล้านบาท นายประชา พัทธยากร กรรมการ 6,100 หุ้น ราคา 10 บาท มูลค่ารวม 61,000 บาท รัชดา นิวาศะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายธุรการ ขาย 1,490 หุ้น ราคา 9 บาท มูลค่า 13,410 บาท และคู่สมรสของนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการ รายงานขาย 563 หุ้น ที่ราคา 9.98 บาท มูลค่ารวม 5,619 บาท นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ผู้บริหารบริษัทไอพีโอทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่ เพราะราคาหุ้นที่เข้าซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจองซื้อ และราคาต้นทุนที่ถืออยู่ จึงเป็นโอกาสที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน ส่วนจำนวนที่เสนอขายอาจจะไม่สูง จึงไม่ได้ทำให้มีผลกระทบต่อราคาในกระดานหลัก และสามารถทำได้ตามปกติ "ราคาหุ้นไอพีโอ ส่วนใหญ่เข้ามาซื้อขายก็จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน แต่อย่างบริษัทอิชิตัน ถือว่าราคาหุ้นพุ่งแรงเกินราคาพื้นฐานที่โบรกเกอร์ได้ประเมินตามมูลค่าและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน นักลงทุนจึงควรระมัดระวังในการลงทุน" บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้ขายหุ้นอิชิตัน เพราะราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาเหมาะสมตามพื้นฐานที่ 19.80 บาทโดยแบรนด์ไบเล่ยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการปีนี้ ส่วนยอดขายไบเล่ในปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 30-40 ล้านบาท โดยเป็นแนวโน้มที่ลดลงจากในอดีต เพราะช่องทางการจัดจำหน่ายที่จำกัดและการแข่งขันที่สูง และเห็นว่ายังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในปีนี้ เพราะเป็นช่วงที่เริ่มต้นการทำตลาดและการแข่งขันที่สูง ประกอบบริษัทจะเริ่มจำหน่ายในปลายไตรมาส 4 ปีนี้ และการจ้างผู้ผลิตภายนอก OEM ซึ่งมีอัตรามาร์จินต่ำด้วย แต่จะส่งผลดีในอนาคตต่ออิชิตัน ในแง่การทำตลาดได้ทันทีในการเจาะกลุ่มลูกค้าเครื่องดื่มน้ำผลไม้ซึ่งแบรนด์ไบเล่เป็นที่คุ้นเคยรู้จักกันดีสำหรับคนไทย ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการผลประกอบการใหม่ โดยประมาณการรายได้เติบโต 13% ใน 3 ปีนี้ แต่ปรับประมาณการกำไรสุทธิลดลงจากเดิม 26% ในปีนี้ และ 20% ปีหน้า เพราะค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 14% เป็น 18% ในไตรมาส 1 ของปีนี้ โดยคาดกำไรสุทธิเติบโต 3 ปี เฉลี่ย 22% ในปีนี้อยู่ที่ 1,185 ล้านบาท และปี 2558F อยู่ที่ 1,433 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35%-37% ในปี 2557 และ 2558 ตามลำดับ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 32% เนื่องจากบริษัทได้ลดสัดส่วนการจ้างผู้ผลิต OEM ลง จาก 25% ในปีที่ผ่านมา ให้อยู่ระดับต่ำกว่า 10% ในปีนี้ และ 5% ในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น สำหรับกำไรสุทธิปีนี้คาดอยู่ที่ 15% ในปีนี้ และ 17% ในปีหน้า และราคาหุ้นปัจจุบันเกินมูลค่าที่เหมาะสม บล.ซีไอเอ็มบี กล่าวว่า อิชิตันยังเติบโตโดดเด่น โดยรายงานกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ที่ 202 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เพราะต้นทุนขายที่ลดลงจากการลดสัดส่วนสินค้าจ้างผลิต และการทำการส่งเสริมการตลาดต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเติบโตโดดเด่นช่วง 3 ปีข้างหน้า จากทั้งการขยายกำลังการผลิตเฟส 2 และการเข้าซื้อสินทรัพย์จาก น้ำผลไม้ "ไบเล่" พร้อมสูตรการผลิตใน 16 ประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการขยายกิจการไปยังต่างประเทศของอิชิตัน ได้ในอนาคต ขณะที่การประกาศซื้อสินทรัพย์ของบริษัทผู้ผลิตน้ำผลไม้ยี่ห้อ "ไบเล่" มูลค่ารวม 1,780 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นตราสินค้าและสูตรการผลิต 16 ประเทศ 240 ล้านบาทที่ดิน 244.9 ล้านบาท และการลงทุนก่อสร้างอาคารและเครื่องจักร 1,295.1 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นเรายังคงไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของ "ไบเล่" ที่จะกระทบต่อผลกำไรของ ICHI หากเทียบจากการลงทุนโรงงานเฟส 2 ของอิชิตันมูลค่า 2,550 ล้านบาท ได้กำลังการผลิต 400 ล้านขวด คิดเป็น 6.4 บาทต่อขวด เทียบกับกำลังการผลิตของไบเล่ 200 ล้านขวด เงินลงทุน 1,295 ล้านบาท คิดเป็น 6.5 บาทต่อขวด ถือว่าการซื้อครั้งนี้สมเหตุสมผล Tags : อิชิตัน • ตลาดหุ้น • กฎอัยการศึก