"ไทคอน" ปรับลดยอดขายพื้นปีทีนี้ลง หลังขายพื้นที่เช่าได้ 7 หมื่นล้านตรม. ลดลงจากเดิมที่ 1 แสนตรม. นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจให้เช่าโรงงาน และธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าในพื้นที่ภาคกลาง มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากประสบปัญหาภาวะน้ำท่วมในช่วงปี 2554 ปัจจุบันลูกค้าสนใจพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้นหลังจากบริษัทประกันภัยกลับมารับประกันอีกครั้ง "กลุ่มคลังสินค้าและโรงงานในพื้นที่น้ำท่วม ภาคกลางแคะภาคเหนือ กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา ราคาค่าเช่าโกดังปรับตัวลดลงกว่า 20% แต่หลัง จากบริษัทประกันภัยเริ่มกลับมารับประกันภัยอีกครั้ง ทำให้เรามองว่า การฟื้นตัวน่าจะเริ่มเกิดขึ้นชัดเจน และจะให้อัตราการเข้าใช้พื้นที่ใกล้เคียงในอดีต หรือกลับมาในระดับปกติน่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี" ด้านแผนงานของบริษัท ยังเน้นการขยายพื้นที่ภาคตะวันออกต่อเนื่อง บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าใน 3 จังหวัด ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น และ สุราษฎร์ธานี บริษัทจะปรับรูปแบบการขยายโรงงานและโกดังสินค้าใหม่ ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงเล็งจะขยายพื้นที่อยู่ใกล้เขตชายแดนเพื่อรองรับการเติบโตของภูมิภาคเออีซี แผนการขยายพื้นที่ในอนาคต เน้นการให้บริการพื้นที่เช่าโกดังสินค้ามากขึ้น เพราะปัจจุบันมีความต้องการสูง บริษัทมีแผนปรับสัดส่วนรายได้ของโกดังสินค้าเป็น 60-65% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 50% จากโกดังสินค้า และ50% จากพื้นที่เช่าโรงงาน โดยปีนี้บริษัทจะขยายพื้นที่เพิ่มอีก 2-3 แสนตารางเมตร สิ้นปีคาดจะมีพื้นที่ทั้งหมด 1.2-1.3 ล้านตารางเมตร ใช้งบลงทุนกว่า 6 พันล้านบาท และบริษัทกำลังศึกษาการทำตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะ พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ออกไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น เขากล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท การเติบโตของรายได้ จะอยู่ในระดับเดียวกันของปีก่อน จากเดิมคาดขยายตัวเพิ่มขึ้น 5%ผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้การใช้บริการอยู่ที่ 75% ลดลงจากก่อนหน้า 78% แต่หลังจากปัญหาการการเมืองสงบ พบว่าต่างชาติเริ่มมั่นใจ และเข้ามาใช้พื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจน ทำให้ทั้งปีมองว่าจะขายพื้นที่เช่าได้ 7 หมื่นล้านตารางเมตร ลดลงจากเดิมจะอยู่ที่ 1 แสนตารางเมตร ส่วนแผนการดำเนินงานในปีหน้า มองว่า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 10 % จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 4-5 พันล้านบาท มาจากการขายพื้นที่ รวมถึงรายได้จากขายทรัพย์สินเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนงบลงทุนในปีหน้าปรับลดลงเหลือ 4 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 6พันล้านบาท เนื่องจากการซื้อที่ดินนั้น บริษัทได้ดำเนินการในปีนี้ไปแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะคงเงินลงทุนในระดับสูง สำหรับการตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ หรือรีท อยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานก.ล.ต. โดยคาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4 ส่วนกฎเกณฑ์ของการตั้งกองรีทยังไม่เอื้อกับนักลงทุนสถาบัน เพราะยังเสียภาษีการจ่ายเงินปันผลอยู่ หากยังไม่การแก้ปัญหาดังกล่าวอาจพิจารณาเอาเฉพาะบางกองทุนเท่านั้น เพื่อเปลี่ยนเป็นกองรีท Tags : วีรพันธ์ พูลเกษ • ไทคอน • ที่ดิน