บัวหลวงลุยขยายสาขาตปท.เพิ่ม

แบงก์กรุงเทพ เผยธุรกิจในอินโดนีเซียเติบโตดี หลังขึ้นอันดับ 3 แซงธุรกิจในจีน


นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยถึงการขยายธุรกิจต่างประเทศของธนาคารว่า ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อธุรกิจต่างประเทศของธนาคารอยู่ที่ระดับ 17% โดยภายในปีนี้ธนาคารคาดจะเปิดสาขาในกัมพูชาได้หนึ่งแห่ง และธนาคารมีแผนจะขยายสาขาย่อยในเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนอีกหนึ่งแห่ง รองรับแนวคิดในการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษของทางการจีนที่จะมีการลงทุนเข้าไปมากขึ้น

ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพมีเครือข่ายต่างประเทศ 28 แห่ง ใน 13 เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก ประกอบด้วยสาขานิวยอร์ก สาขาลอนดอนส่วนประเทศญี่ปุ่นมีสาขาโตเกียวและโอซากา มีธนาคารท้องถิ่นที่อยู่ในประเทศจีน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ และมี 4 สาขาที่ปักกิ่ง เซียะเหมิน เสิ่นเจิ้น และและฉงชิ่งและยังมีสาขาฮ่องกง สาขาเกาลูน ส่วนประเทศไต้หวันมีสาขาไทเป สาขาย่อยเกาสง และสาขาย่อยไทชุง

ทางอาเซียนตอนใต้มีสาขาสิงคโปร์ ในมาเลเซียมี ธนาคารกรุงเทพ เบอร์ฮาด ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และสาขาอีก 4 แห่ง ประเทศอินโดนีเซียมี 3 สาขา คือจาการ์ตา สาขาย่อยสุราบายา และสาขาย่อยเมดาน ในฟิลิปปินส์ มีสาขามะนิลา ส่วนกลุ่มซีแอลเอ็มวีมีสาขาโฮจิมินห์ ซิตี้และสาขาฮานอยในเวียดนาม สาขาเวียงจันทน์ ในลาว และสำนักงานตัวแทนในย่างกุ้ง ในพม่า

นายไชยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้ชะลอการให้สินเชื่อในจีนและเวียดนาม ตามการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศขณะที่การเติบโตของธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียมีความรวดเร็วค่อนข้างมาก ทำให้สัดส่วนสินเชื่อและรายได้ จากธุรกิจในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจต่างประเทศของธนาคารรองจากธุรกิจในฮ่องกง และสิงคโปร์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน และแซงหน้าธุรกิจในประเทศจีนที่เคยเป็นอันดับ 3 ในช่วงก่อนหน้านี้

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่อินโดนีเซียยังเติบโตได้ดีอยู่ และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาธนาคารได้ขยายสาขาในประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งที่ 3 ที่เมืองเมดาน ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามแผนที่ได้วางไว้ ทั้งจากลูกค้าธนาคารที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่นด้วย รวมถึงลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียค่อนข้างมาก

ในส่วนของประเทศเวียดนาม ได้ชะลอธุรกิจไปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ทำให้สถาบันการเงินต่างประเทศได้รับผลกระทบไปด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สกุลดอลลาร์ ที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ผู้ประกอบการหันมากู้เงินสกุลดอลลาร์ค่อนข้างมากทั้งที่มีรายได้เป็นเงินด่องคล้ายกับวิกฤติเศรษฐกิจของไทยในปี 2540 จนทางการเวียดนามต้องออกมามาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อสกุลดอลลาร์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจหลักของธนาคารต่างประเทศ รวมถึงธนาคารกรุงเทพที่จะต้องมีพอร์ตสินเชื่อลดลงไปด้วย

ขณะนี้สถานการณ์ของอัตราแลกเปลี่ยนในเวียดนามปรับตัวดีขึ้น ทำให้เชื่อว่าธนาคารจะกลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารยังสามารถรักษาคุณภาพสินเชื่อไว้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการมุ่งเน้นการให้สินเชื่อกับลูกค้าเก่าเป็นหลัก ทำให้ไม่น่ากังวลมากนัก

Tags : ไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ • ธนาคารกรุงเทพ • อินโดนีเซีย • ขยายสาขา