เครือเนชั่นรุกดิจิทัลเต็มสูบ

"เนชั่นกรุ๊ป" เดินหน้ารุกธุรกิจดิจิทัลทีวี หลังพบครึ่งปีแรกเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้าทีวี 2 ช่อง รวม 45%

นางสาวดวงกมล โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) กล่าวว่า ไตรมาส 2/2557 โครงสร้างของบริษัทเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยรายได้โฆษณาจากธุรกิจโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ทั้ง 2 ช่อง คือ NATION22 และ NOW26 เพิ่มขึ้นเป็น 45% ขณะที่รายได้จากโฆษณาสื่อหนังสือพิมพ์ ลดลงมาอยู่ที่ 44% และรายได้โฆษณาในนิวมีเดีย อยู่ที่ 11%

"ทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่องของเครือเนชั่น เปิดดำเนินการได้ทันทีที่ได้รับอนุญาตในเดือนเม.ย.2557 ธุรกิจทีวีดิจิทัลอยู่ในระยะตั้งไข่ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย ทั้งสถานการณ์การเมืองที่ไม่เอื้ออำนวย ความล่าช้าในการแจกกล่องรับสัญญาณ และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรับรู้แต่ด้วยความพร้อมด้านกำลังคนและการผลิตคอนเทนท์ ทำให้สถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องของเครือเนชั่นเติบโตอย่างรวดเร็ว"

ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2557 บริษัทมีรายได้จากโฆษณาทีวีเพิ่มขึ้น 65% จาก 135.8 ล้าบาทในไตรมาส 2/2556 เป็น 224.1ล้านบาท ขณะที่รายได้จากโฆษณาสื่อหนังสือพิมพ์ลดลง 30% จาก 313.3 ล้านบาทในไตรมาส 2/2556 เป็น 219.7 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้ส่วนรายได้จากโฆษณาในสื่อใหม่เพิ่มขึ้น 4% จาก 51.2 ล้านบาทในไตรมาส 2/2556 เป็น 53.1 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

เธอกล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนรุกธุรกิจทีวีดิจิทัลเพิ่มเติม ล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนงานด้านธุรกิจบริหารคอนเทนท์ (ContentManagement) โดยอยู่ในรูปแบบของการผลิตรายการสารคดี เพื่อใช้เป็นคอนเทนท์ภายใน และเพื่อขายให้กับผู้ประกอบการรายอื่น คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตเนื้อหารายการปลายปีนี้ และเริ่มขายในปี 2558 ทั้งนี้บริษัทจะมีหน่วยงานภายในเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง

ภาพรวมผลประกอบการของเครือเนชั่นปีนี้ คาดว่า รายได้รวมจะเติบโต 10% จากปีก่อน แหล่งที่มาของรายได้จะปรับไปสู่ธุรกิจทีวีดิจิทัล

มากขึ้น ส่วนธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ยอมรับว่าจะค่อยๆ ลดลงตามแนวโน้มการเปิดรับสื่อที่เริ่มเปลี่ยนไป เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะไม่ได้รับผลกระทบในช่วงของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคสื่อ เนื่องจากบริษัทได้วางแผนรับมือ และปรับโครงสร้างองค์กรไว้แล้ว ส่วนกำไรสุทธิทั้งปีนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งยอมรับว่า ปีนี้มีต้นทุนการดำเนินงานในธุรกิจทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

นางสาวดวงกมล กล่าวอีกว่า ช่อง NOW26 เป็นช่องใหม่ที่เพิ่งดำเนินธุรกิจ และได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ และคาดการณ์ครึ่งปีหลัง ช่องNOW26 จะมีรายได้ 200 ล้านบาท ปัจจุบัน ช่อง NOW26 มีอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 11,000 บาทต่อนาที

ด้านนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ และกรรมการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีต้นทุนจากธุรกิจทีวีดิจิทัลสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ภาพรวมผลประกอบการยังเชื่อว่ามีกำไรสุทธิอยู่ แต่อาจจะต่ำกว่าปี 2556 คาดหวังว่าปี 2558รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตมาก เบื้องต้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2556 ที่มีรายได้ 680 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท

"สัดส่วนรายได้ในปีนี้ของเอ็นบีซี จะมาจากทีวีดิจิทัลไม่ต่ำกว่า 50% แต่ธุรกิจอื่นๆอย่างอีเว้นท์ และวิทยุจะมีการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในไตรมาส 2 เห็นการเติบโตของช่องเนชั่น 22 อย่างชัดเจน เติบโตถึง 75% จากไตรมาส 1 ที่แทบไม่มีการเติบโต เพราะยังมีปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ในครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าตัวเร่งอัตราการเติบโตของบริษัทคือช่องเนชั่น 22 ซึ่งตอนนี้เอเจนซี่โฆษณาเริ่มยอมรับในอัตราค่าโฆษณาแล้ว"

บริษัทวางเป้าอัตราขายเวลาโฆษณาที่ 18,000 บาทต่อนาที จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 12,000 บาทต่อนาที ส่วนรายการในเวลาไพรม์ไทม์ อาทิรายการข่าวข้น ขณะนี้มีอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 35,000 บาทต่อนาที และคาดในปี 2558 จะเพิ่มเป็น 50,000 บาทต่อนาที

ผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 311.75 ล้านบาท ลดลง 9.43 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 344.22ล้านบาท และมีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปีนี้ที่ 4.72 ล้านบาท ลดลง 85.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.94 ล้านบาท

ด้านนายพนา จันทรวิโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าทั้งปีนี้จะมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ แม้งวด 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิ 3.93 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 14.15ล้านบาท เพราะครึ่งปีหลัง บริษัทจะมีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาในรายการทีวีสำหรับเด็ก 6 รายการ ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตป้อนให้กับช่องNATION 22 จำนวน 2 รายการ, ให้กับช่อง NOW26 จำนวน 2 รายการ และให้กับช่อง MCOT แฟมิลี่ จำนวน 2 รายการ โดยเชื่อว่าสัดส่วนรายได้ทั้งปีนี้ จะมีรายได้จากธุรกิจดิจิทัลทีวีเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% จากปีที่แล้วที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์

ในปี 2558 บริษัทคาดหวังว่าจะมีรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิทัล 50% และรายได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์จะลดลงไปตามสัดส่วน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มช่องทางรายได้ในธุรกิจสิ่งพิมพ์มากขึ้น ล่าสุดได้เป็นผู้จัดหาสมาชิกให้กับ WALL STREET JOURNAL เพิ่ม จากเดิมที่เป็นผู้รับจ้างพิมพ์เท่านั้น และได้ปรับวิธีขายหนังสือด้วยวิธีขายผ่านคิวอาร์โค้ด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนตามพฤติกรรมการเปิดรับสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจัดแพ็คเกจขายหนังสือใหม่ โดยการเน้นทำควบคู่กับแผนซีเอสอาร์ของลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการสต๊อกหนังสือ และการวางขายหน้าร้านที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

Tags : ดวงกมล โชตะนา • เนชั่น กรุ๊ป • ทีวีดิจิทัล • รายได้