โบรกเกอร์ประเมินนโยบายปฏิรูปพลังงานจากนี้ไปจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นพลังงานต่อเนื่อง แนะขายรับแรงซื้อเก็งกำไร โบรกเกอร์ประเมินนโยบายปฏิรูปพลังงานจากนี้ไปจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นพลังงานต่อเนื่อง โดยปรับโครงสร้างพลังงานแค่จุดเริ่มต้น และมีผลกระทบต่อความสามารถทำกำไรผู้ค้าน้ำมันเล็กน้อย โดยเฉพาะปตท.ปรับโครงสร้างครั้งนี้กรณีแย่สุดหากค่าการตลาดลด กระทบไม่ถึง 1%ส่วนบางจาก 2.7% แนะฉวยจังหวะคนตื่นขายรับซื้อเก็งกำไร ด้านสถาบันไทยลดน้ำหนักลงทุนหุ้นพลังงาน ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับลดอัตราจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดใหม่ ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันสำเร็จรูปทุก ชนิด ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ เกือบทุกชนิดลดลง ส่วนน้ำมันดีเซลราคาปรับเพิ่มเล็กน้อย แต่ยังไม่เกิน 30 บาท/ลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2557 เป็นต้นไป นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด กล่าวว่าการที่ กบง. มีมติปรับเปลี่ยนโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีเทศบาล รวมถึงการเก็บเข้า/ชดเชยเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อให้ราคาน้ำมันเบนซิน/แก๊สโซฮอล์ และดีเซลให้เหลื่อมล้ำกันน้อยลง การปรับเปลี่ยนนโยบายราคาน้ำมันครั้งนี้ อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งถึงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานที่กำลังจะมีขึ้น แม้การประกาศดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเพียงการทำตามมาตรการเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซที่คสช.มีมติออกมาเมื่อ 26 ส.ค. 2557 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปนโยบายพลังงานแห่งชาติ หากจะประเมินทิศทางของแผนปฏิรูปที่จะเดินต่อไปจากนี้ ฝ่ายวิจัย เชื่อว่าข้อเสนอข้างต้นของนายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดปตท.คนปัจจุบัน มีอิทธิพลทางความคิดต่อนโยบายปฏิรูปพลังงานของรัฐบาลชุดใหม่ สังเกตได้จากมติของคสช.มีแนวโน้มออกไปในทางที่สอด คล้องกับข้อเสนอดังกล่าว และเชื่อว่าภายใต้ประธานบอร์ดคนปัจจุบันจะมีการดำเนินตามขั้นตอนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว คงเหลือเพียงเรื่องการประเมินทรัพย์สินโดยเฉพาะท่อก๊าซในส่วนที่เป็นของภาครัฐ-เอกชน ซึ่งอาจล่าช้าอันเนื่องมาจากความเห็นต่างด้านกฎหมาย "การปฏิรูปปตท.นี้ คงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่วงเวลาจากนี้ไป นักลงทุนระยะยาวอาจต้องกลับมาทบทวนความเสี่ยงต่อการโอกาสและศักยภาพในการทำกำไรของหุ้นกลุ่มปตท.การอ่อนตัวของราคาหุ้นในกลุ่มนี้น่าจะเป็นโอกาสเข้าลงทุนของนักลงทุนระยะสั้นและกลางเพื่อรอการ เติบโตของผลประกอบการรายไตรมาสเท่านั้น" นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าแนวโน้มหุ้นพลังงาน น่าจะยังคงถูกดดันจากนโยบายการปฏิรูปพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มปตท. ซึ่งจะมีการพิจารณานโยบายใหม่ต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และคงมีนโยบายใหม่ๆ ที่จะออกมาให้เห็นอีก ดังนั้นราคาหุ้นจะถูกกดดัน โดยเฉพาะผลกระทบเชิงจิตวิทยาการลงทุน ดังนั้น หากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนสามารถเข้าทยอยซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นถูกผลกระทบ และปรับตัวลดลง เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น "ฝ่ายวิจัยประเมินว่า การปรับลดราคาน้ำมัน มิได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมัน ทั้งหุ้นปตท,หุ้นบางจาก,หุ้นเอสโซ่ เนื่องจากโครงสร้างของราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการในปัจจุบัน เกิดจาก ราคาขายหน้าโรงกลั่น ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล กองทุนน้ำมัน กอง ทุนอนุรักษ์พลังงาน ค่าการตลาด ขณะที่ปัจจัยด้านต้นทุนน้ำมันจะแปรผันไปตามราคาน้ำมันดิบโลก สต็อกน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ดังนั้น การปรับลดอัตราจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวซึ่งเป็นการเก็บจากส่วนเพิ่ม จึงไม่ได้มีผลต่อผลประกอบการ อย่างมีนัยสำคัญ"นักวิเคราะห์กล่าว กลุ่มปตท.รับผลกระทบเล็กน้อย บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันค้าปลีก ลดเบนซินเพิ่ม ดีเซล กระทบเงินนำส่งกองทุนน้ำมันต่อเดือน ลดลงเหลือ 2.45 พันล้านบาท จาก 3.56 พันล้านบาท ซึ่งผลกระทบฝ่ายวิจัยคาดว่ากรณีที่แย่สุดจากค่าการตลาดที่อาจลดลง จะกระทบกำไรบริษัทปตท. PTT ราว 560 ล้านบาท และบริษัทบางจาก 140 ล้านบาท หรือกระทบกำไรบริษัทปตท.ประมาณ 0.6% และบริษัทบางจากลดลงประมาณ 2.7% ส่วนการส่งสัญญาณครั้งนี้ เชื่อว่ากระทบจิตวิทยาการลงทุนหุ้น เพราะมองว่าการปล่อยขึ้นราคาก๊าซยิ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย ส่วนกลุ่มโรงกลั่นคิดว่า การใช้แนว ทางด้านภาษี แทนการขอลดราคาหน้าโรงกลั่น น่าจะเป็นบวกต่อบริษัทไทยออยล์ (TOP) บริษัทบางจากและบริษัทไออาร์พีซี (IRPC) เพราะถ้าราคาหน้าโรงกลั่นไม่ลด ก็จะไม่กระทบต่อกำไร ทั้งนี้เคยประเมินผลกระทบกำไรราว 5-6% ต่อบริษัทไทยออยล์ และบริษัทไออาร์พีซี ส่วนบริษัทบางจากจะ กระทบ 10% บลจ.ลดน้ำหนักหุ้นพลังงาน นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทยังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นพลังงานน้อยกว่าตลาด และให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์มากกว่าตลาด “ในส่วนของกลุ่มพลังงานให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาดมาก่อนแล้ว เพราะราคาน้ำมันในโลกยังไม่ได้มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดีมานด์ไม่ได้มากกว่าซัพพลายเช่นในอดีต แท้เกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลางราคาน้ำมันก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นรุนแรงแต่ประการใด การใช้กำลังการผลิตของประเทศพัฒนาแล้วก็ยังไม่ขยายตัวมากและโลกเริ่มหันมามองหาพลังงานทดแทนมากขึ้นด้วย แต่ภาพของกลุ่มพลังงานถือเป็นหุ้นที่ให้ปันผลที่สม่ำเสมอแต่อาจจะหวังในแง่ของราคาที่เพิ่มขึ้นมากไม่ได้เท่าไรนัก” การปรับลดราคาน้ำมันเบนซินในประเทศอาจจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคและหน่วยธุรกิจที่ใช้พลังงานจากเบนซินให้มีต้นทุนที่ต่ำลง แต่ที่ใช้ดีเซลคงไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนัก ผลกระทบที่จะตามมาต่อเศรษฐกิจ คือ อัตราเงินเฟ้อคงไม่น่าจะเร่งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วนักเพราะพลังงานเป็นส่วนใหญ่ของเงินเฟ้อในการคำนวณเช่นกัน ทั้งนี้หากการลดราคาน้ำมันลงมาใช้กลไกของการปรับลดภาษีหรือลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันตรงนี้ คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทในกลุ่มพลังงานแต่ประการใด ถ้าไปลดภาษีลงมาตรงนี้อาจจะไปกระทบรายได้ของรัฐที่จะได้รับให้ลดลง หรือถ้าไปลดในส่วนของเงินนำส่งกองทุนน้ำมันตรงนี้ผลกระทบก็จะไปอยู่ที่กองทุนน้ำมันจะมีรายได้ลดลง ซึ่งคงต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง แต่ผู้บริโภคน่าจะได้ประโยชน์แน่นอน นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มพลังงานน้อยกว่าตลาดอยู่แล้ว ทั้งนี้การปรับลดราคาน้ำมันลงมาของภาครัฐนั้นน่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมเพราะหน่วยธุรกิจหรือการบริโภคจะมีต้นทุนพลังงานที่ต่ำลงภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น ในขณะที่ไม่ได้กระทบต่อผลกำไรของบริษัทพลังงานแต่ประการใด แต่สิ่งที่จะต้องติดตามต่อไป คือ การปรับโครงสร้างตัวธุรกิจพลังงานมากกว่า Tags : โบรกฯ • หุ้นพลังงาน • ปฎิรูป