บลจ.เผย'ศก.ฟื้น-ดอกเบี้ยขาขึ้น'

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 30 สิงหาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "บลจ." เผยเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว แนวโน้มดอกเบี้ยกำลังสู่ขาขึ้น แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้น ลดน้ำหนักตราสารหนี้

    นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวในงานสัมมนา "THEME ลงทุนยุคใหม่ ไทย & เทศ จากมุมกองทุน" ในงาน "ตลาดนัดกองทุนรวม" วานนี้ (29 ส.ค.) ว่า หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนช่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว รวมถึงเศรษฐกิจไทยด้วย และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ที่กำลังจะมาในปีหน้า อาจไม่ส่งผลดีต่อการลงทุนในตราสารหนี้มากนัก จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น และลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้

    ส่วนสหรัฐ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แสดงว่า เศรษฐกิจเขาฟื้นตัว โดยภาพรวมสหรัฐ ยังคงจะใช้นโยบายผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ เมื่อเศรษฐกิจฟื้น คนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้นที่จะมาจับจ่ายใช้สอย ย่อมส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนปรับตัวดีขึ้น ราคาหุ้นสหรัฐปัจจุบัน สมเหตุสมผล และมีแนวโน้มเติบโตในระยะ 5-7 ปี ข้างหน้า โดยไม่ปรับตัวลงแรง

    ส่วนของความกังวลในการดึงเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) กลับนั้น มีหลายมุมมองแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่จำเป็นต้องดึงเงินกลับได้ โดยสามารถถือไปจนครบอายุไถ่ถอนก็ได้เช่นกัน

    "ยุโรปเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ความเชื่อมั่นต่างๆ เริ่มกลับมา ประเด็นยูเครน น่าจะมีขอบเขตจำกัด และไม่ส่งผลกระทบเชิงกว้างต่อเศรษฐกิจ การลงทุนหุ้นยุโรป จึงเป็นโอกาสคล้ายกับไทย หลังความไม่แน่นอน เปลี่ยนเป็นความแน่นอน ตลาดหุ้นไทยตอบรับดีมาก อีกประเทศที่น่าสนใจ คือ จีน ซึ่งเป็นตลาดที่ถูกมาก แต่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นจีนช่วงปี 2550-2551 ซึ่งใกล้จุดสูงสุด มีสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) 30-40 เท่าในตอนนั้น ราคาไม่แพง"

    นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า หุ้นยังน่าสนใจโดยหุ้นต่างประเทศธีม การลงทุนที่จะมาในทศวรรษถัดไป มี 1.กลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียต่างๆ เพราะปัจจุบันมีอิทธิพลกับคนค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟน 1.7 พันล้านเครื่อง ซึ่งคาดจะเพิ่มเป็น 7.0 พันล้านเครื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า 2.กลุ่มอาหารปลอดภัย-อาหารคุณภาพ เพราะคนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น และ 3.กลุ่มบริษัทที่ทำวิจัยพัฒนา (R&D) เพื่อประสิทธิภาพการผลิตต่างๆ มากขึ้น เช่น ใช้คนเท่าเดิมแต่ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของไทยกลุ่มที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขนส่ง จะเป็นกลุ่มที่เป็นความหวัง และอาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขันของไทยได้

    "ตลาดหุ้นไทยที่ระดับราคาปัจจุบัน เมื่อมองไปในอนาคตถือว่าไม่แพง การเมืองไทยมีทิศทางคลี่คลาย มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนโฉมทั้งการปฏิรูปภาษี ปฏิรูปพลังงาน ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ถือเป็นเรื่องใหญ่ในไทยช่วง 1 ปี สิ่งที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศสนใจ คือ นโยบายว่ารัฐจะทำอะไร"

    ส่วนนายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะโต 4.5% อาจจะไม่มากถ้าเทียบกับกลุ่มตลาดกำลังพัฒนาด้วยกัน แต่ดีขึ้นจากปีนี้ที่โต 1-2% เศรษฐกิจไทยถือว่ามาจากจุดที่แย่ อัตราดอกเบี้ยโดยรวมยังต่ำ จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจโตต่อเนื่องได้ บริษัทไทยได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวก็เอื้อต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่แล้วด้วย รอเพียงองค์ประกอบในการขับเคลื่อนประเทศ หากทำได้ดีสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นเศรษฐกิจ

    "ตลาดหุ้นไทยจะโตต่อเนื่องได้ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า และมีโอกาสมากจะเห็นตลาดหุ้นไทยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ บนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง ไม่ใช่ขึ้นไปด้วยเงินไหลข้าวของต่างชาติ"

    Tags : นายสมจินต์ ศรไพศาล • บลจ.ทหารไทย • หุ้น • ตลาดตราสารหนี้

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้