สหวิริยาเปิดแผนเจรจาสถาบันการเงินลดหนี้ จากปัจจุบันหนี้ต่อทุนพุ่ง 6.8 เท่า เล็งเจรจาธนาคารเจ้าหนี้ 8ราย นายณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนลดอัตราหนี้สินต่อทุน หรือหนี้สินต่อทุน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการของบริษัท เนื่องจากปัจจุบัน มีภาระหนี้สินค่อนข้างสูง โดยมี หนี้ต่อทุนอยู่ที่ 6.8 เท่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างหาแนวทาง เช่น เจรจากับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ราว 8 ราย รวมไปถึงการเจรจากับนักลงทุนรายใหม่ทั้งเอเชียและยุโรปที่สนใจเข้ามาถือหุ้นบริษัทสหวิริยาสตีล และการหารือกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ "ปัจจุบันบริษัทมีแผนลดดีอี หลายช่องทางทั้งคุยแบงก์คุยกับตลาดและนักลงทุนใหม่ๆ ซึ่งมีนักลงทุนญี่ปุ่นที่สนใจ และติดต่อมาแต่ยังไม่ได้มีการคุยอย่างเป็นทางการ" นายณรงค์ฤทธิ์กล่าว เขากล่าวว่าคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/2557 จะขาดทุนลดลงจากไตรมาส 2/2557 ที่ขาดทุนประมาณ 2.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2557 จะมีผลขาดทุนสุทธิลดลงจากปี 2556 ที่ขาดทุนกว่า 7 พันล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อม (EBITDA) จะเป็นบวกต่อเนื่องในครึ่งหลังปีนี้ เพราะหลังจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) ดีขึ้น และโรงถลุงเหล็ก ที่อังกฤษ จะมีอีบิทดาเป็นบวกได้ ตั้งแต่ในไตรมาส 3/57 ทำให้อีบิทดาโดยรวมของบริษัทสหวิริยาดีขึ้น ขณะที่ ในเดือนต.ค.นี้ โรงถลุงเหล็กที่อังกฤษ จะใช้กำลังการ ผลิตที่ระดับ 90% จากขณะนี้ที่ใช้กว่า 70% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังคงคาดปริมาณขายเหล็กรีดร้อนที่ 2.1 ล้านตัน และ เหล็กแท่งแบนที่ 3.2 ล้านตัน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่าบริษัทสหวิริยา ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2557 ยังขาดทุนต่อ 1,406 ล้านบาท ใกล้กับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 1,397 ล้านบาท ขาดทุนมากกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 465 ล้านบาท โดยการขาดทุนหลักๆ ยังเป็นการขาดทุนจากโรงถลุงในอังกฤษ 1,347 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 1,701 ล้านบาท แต่แย่ลงจากปีก่อนที่มีกำไร 63 ล้านบาท โดยโรงถลุงเหล็กในอังกฤษปริมาณขาย Slab ในไตรมาส2/2557 เท่ากับ 646,000 ตัน ส่วนใหญ่ขายให้บุคคลภายนอกสัดส่วนมากขึ้นเป็น 80% จากไตรมาสก่อนมีสัดส่วน 68% เนื่องจาก ความต้องการเหล็กรีดร้อนในประเทศยังซบเซาต่อเนื่อง ในขณะที่ Slab Spread ดีขึ้นเป็น 189 ดอลลาร์ต่อตัน โดยราคา Slab ค่อนข้างทรงตัว สำหรับธุรกิจเหล็กรีดร้อน ปริมาณขายทรุดหนักเหลือเพียง 384,000 ตัน จากภาวะความต้องการในประเทศที่ซบเซา ถูกกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ และอุตสาหกรรมการผลิตชะลอตัว และ HRC Spread แย่ลงเหลือ 117 ดอลลาร์ต่อตัน รวมแล้วธุรกิจเหล็กรีดร้อนมีกำไรทรุดลงเหลือเพียง 27 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุนถึง 473 ล้านบาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2557 ผู้บริหารบริษัทมองว่า ปริมาณขายเหล็กรีดร้อนในประเทศมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อยประมาณ 4-6%จากงวดไตรมาส 2/2557 และ สเปรดระหว่าง HRC - Slab จะปรับดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 18-19% เทียบกับไตรมาสก่อน 17.1% ส่วนธุรกิจโรงถลุงในอังกฤษวอลุ่มขาย Slab มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 4-6%จากไตรมาส2/2557 Tags : สหวิริยาสตีลอินดัสตรี • ณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล