จี้เอบีซีเปิดข้อมูลงบการเงิน

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 27 สิงหาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ตลาดหลักทรัพย์จี้แอสเซทไบร์ทเปิดรายละเอียดงบการเงิน และแผนงานในอนาคตภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้

    รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่าตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งให้บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2557 ภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2557 โดยให้ชี้แจงถึงสาเหตุที่มีรายได้จากการขายลดลงอย่างมีสาระสำคัญ ลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน รวมทั้งเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารงวด 6 เดือนปี 2557 เพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 63.80% ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลง 87.33%

    ทั้งนี้ จากสรุปตัวเลขสำคัญในงบการเงินล่าสุด จะพบว่าบริษัท แอสเซท ไบร์ มีรายได้จากการขายในงวด 3 เดือนและ 6 เดือนปี 2557 เพียง 3.65 และ 7.05 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และหากไม่รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย จำนวน 201.36 ล้านบาทจะพบว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในงวด 3 เดือน 43.35 ล้านบาท และ 6 เดือนปี 2557 อยู่ที่ 10.71 ล้านบาท

    โดยมีขาดทุนสะสม 16.99 ล้านบาท นอกจากนี้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินระบุว่าปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนงานทางธุรกิจในอนาคตด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบในประเด็นการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์ จึงขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม

    1. สาเหตุที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนปี 2557 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสำคัญ หากไม่รวมรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 43.35 และ 10.71 ล้านบาทตามลำดับ

    2. อธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญที่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะที่ผ่านมา ลักษณะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันข้อมูลโครงการ มูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าว

    3. ที่มาของรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาทโดยกล่าวถึง ลักษณะรายการ ข้อมูลของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย ชื่อผู้ซื้อ มูลค่าสินทรัพย์ เกณฑ์การกำหนดราคา เหตุผลที่ขายและวันที่ขายสินทรัพย์ดังกล่าว 4. อธิบายความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตามที่บริษัทเปิดเผยไว้ในงบการเงินและวันที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว

    5. อธิบายเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงบการเงินงวด 6 เดือนปี 2557 จำนวน 15.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 9.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.80% ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจาก 55.63 ล้านบาทเหลือเพียง 7.05 ล้านบาทหรือลดลง 87.33%

    ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 29 ส.ค.2557

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์ให้บริษัทชี้แจงข้อมูล เพราะในงบการเงินบริษัทได้มีการชี้แจงกำไร ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะมาจากการขายสินทรัพย์ เพราะธุรกิจผลิตและจำหน่ายสิ่งทอได้หยุดกิจการ ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนธุรกิจใหม่ แต่การรายงานกำไรอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิด เพราะกำไรมิได้เกิดจากการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท

    "ที่ผ่านมา บริษัทไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนหุ้นดังกล่าว เนื่องจากมีแรงเก็งกำไรมากเกินควร และมีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาหุ้น จึงให้หลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หุ้นถูกสั่งห้ามซื้อขายอยู่แล้ว"นักวิเคราะห์กล่าว

    อนึ่ง ในช่วง 6 วันทําการที่ผ่านมา 15-22 ส.ค.2557 ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นชนเพดานสูงสุด (ซิลลิ่ง) ติดต่อกัน โดยราคาหุ้นของเอบีซีได้ปรับขึ้นจาก 18.20 บาท มาปิดที่ 63.50 บาทในวันที่ 21 ส.ค.2557 มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนจะทำการแตกพาร์จาก 1 บาทเหลือ 0.10 บาท โดยมีผลในวันที่ 22 ส.ค.2557 ขณะที่ราคาหุ้นในวันดังกล่าวปิดที่ 8.20 บาท (พาร์ 0.10 บาท) โดยตลอดระยะเวลา 6 วันทำการ ราคาหุ้นเอบีซีได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงดังกล่าวหลักทรัพย์ เอบีซี เข้าข่ายตามเกณฑ์ แคชบาลานซ์ หรือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายผิดปกติ และผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องวางเงินสดเป็นประกันเต็มจํานวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านการชําระราคา

    ในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามถึงพัฒนาการที่สําคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขาย โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ ต่อมาในวันที่ 21 ส.ค.2557 ราคาหุ้นเอบีซี ยังคงปรับตัวสูงชนซิลลิ่ง โดยปิดที่ราคา 63.50 บาท ราคาพาร์ 1 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงแจ้งนักลงทุน ให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว

    อย่างไรก็ตามสภาพการซื้อขายเอบีซี ในวันที่ 22 ส.ค.2557 ยังคงปรับตัวสูงผิดปกติอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 6.35 บาท ราคาพาร์ 0.10 บาท มาปิดที่ราคา 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 29.13% ขณะที่มูลค่าตามบัญชี ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท ปรับเทียบกับ ราคาพาร์ ที่ 0.10 บาท เท่านั้น ในขณะที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ของบริษัทสูงถึง 68 เท่า

    ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบทั้งในประเด็นของลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดําเนินงาน ข้อมูลทางการเงินอื่นๆ เช่น มูลค่าตามบัญชีของบริษัท เพื่อเปรียบเทียบกับราคาหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากดังกล่าวของบริษัท รวมทั้งได้ศึกษาถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทจะได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาและปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนเอง ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2557 เป็นต้นไป

    สำหรับ นายปรเมษฐ์ ได้ใช้เงินในการซื้อหุ้นเอบีซีจากผู้ถือหุ้นเดิม ผ่านการทำบิ๊กล็อตและเทนเดอร์ออฟเฟอร์รวมเป็นเงินประมาณ 224 ล้านบาท และปัจจุบันเขาถือหุ้นเอบีซี รวมประมาณ 104 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ขณะที่ราคาปิดของหุ้น เอบีซี ณ วันที่ 22 ส.ค.อยู่ที่ 8.2 บาท ราคาพาร์ที่ 0.10 บาท แต่หากเทียบพาร์ที่ 1 บาท ราคาหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 82 บาท เท่ากับว่า นายปรเมษฐ์ มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท

    แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่ายืนยันว่ากรณีหุ้นเอบีซี มีการซื้อขายผิดจากสภาพปกติและมีแนวโน้มที่มีเจตนาสร้างราคาหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาหลักฐานเอาผิด ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นเอบีซี สามารถปรับตัวขึ้น ชนซิลลิ่งได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันมีน้อย การสร้างราคาจึงทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน ขณะเดียวกัน มีนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาผสมโรงโดยการซื้อขายแบบเก็งกำไรต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

    Tags : บมจ.แอสเซท ไบร์ท • ABC • ตลาดหลักทรัพย์

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้