โรบินสันคาดไตรมาส 4 กำไรโดดเด่นหลังแนวโน้มบริโภคฟื้นตัวเต็มที่ อานิสงส์รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ น.ส.จิราพรรณ ทองตัน เลขานุการ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS กล่าวว่า กำลังซื้อน่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง ในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ และปัญหาความไม่สงบเริ่มคลี่คลาย "ในไตรมาสที่ 4 มองว่าน่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของบริษัท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศมีการฟื้นตัวและกำลังซื้อที่ชะลอตัวไปในครึ่งปีแรกก็กลับมาอีกครั้ง ประกอบกับปีที่ผ่านมายอดขายในไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่สงบในประเทศทำให้ฐานของปีที่แล้วค่อนข้างต่ำ ปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้การฟื้นตัวของเราเป็นไปได้ด้วยดี" เธอกล่าวว่า ในครึ่งหลังปีนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขา 5 สาขาในประเทศตามแผนการที่วางไว้ หลังจากครึ่งปีแรกที่ไม่ได้มีการขยายสาขา โดยในปีนี้ บริษัทจัดสรรมีงบลงทุนทั้งสิ้น 5.3 พันล้านบาท เพื่อขยายสาขาในรูปแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์มากขึ้น ส่วนในสาขา จังหวัด เชียงใหม่ และสงขลา ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดสาขาของห้างเซ็นทรัลในบริเวณใกล้เคียง และเกิดการแย่งลูกค้ากันนั้น ขณะนี้ได้แก้ปัญหาด้วยการปรับฐานลูกค้าแล้ว “ก่อนหน้านี้ 2 สาขา ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้บริษัทเพิ่มสินค้าระดับพรีเมียม เมื่อมีห้างเซ็นทรัลเข้ามาเปิดตัวใกล้ สินค้าดังกล่าวจึงได้รับผลกระทบ แต่สินค้าที่มีราคาปานกลางที่เป็นเป้าหมายของบริษัท ยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ ซึ่งมองว่าสิ้นปีนี้ สถานการณ์น่าจะดีขึ้น โดยหลังจากนี้เราจะขยายในสาขาที่เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น และอาจมีการขยายตัวไปกับทางเซ็นทรัล” ส่วนความคืบหน้าในการลงทุนต่างประเทศนั้น บริษัทเพิ่งเปิดสาขาในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม 1 แห่ง ในเดือนเม.ย. ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีตามที่คาดไว้ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเปิดได้อีก 1 สาขา ที่กรุงโฮจิมินห์ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 สำหรับการขยายสาขาไปยังประเทศอื่นนั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผน เพราะต้องการเน้นในตลาดเวียดนามเช่นเดิม ซึ่งในอนาคต อาจจะเพิ่มเนื้อที่ของสาขาให้เพิ่มขึ้นเพราะมองว่าพื้นที่ตั้งในปัจจุบันมีขนาดไม่เหมาะสม ด้านนายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออฟฟิศเมท (OFM) กล่าวว่า กำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าที่แล้ว 408 ล้านบาท ส่วนรายได้ยังโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 12-13% เนื่องจากบริษัทขยายสาขาต่อเนื่อง และจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทลูกคือ บริษัท บีทูเอส และบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น ส่งผลเชิงบวกในเรื่องของรายได้ ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีที่ 2 มากว่าปีแรกที่มีการควบรวมกิจการ ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้และกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ "มองว่าแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก แต่จะดีขึ้นอย่างช้าๆ โดยมองว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาหากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า บริษัทคงเป้าหมายงบลงทุนปีนี้ 600 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงและขยายสาขา รวมถึงขยายธุรกิจออนไลน์ ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาทั้งหมด 49 สาขา และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 54 - 55 สาขา และร้าน บีทูเอส ปัจจุบันมี 86 สาขา คาดว่าในครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มเป็นกว่า 90 สาขา นายวรวุฒิ กล่าวเพิ่มว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 ประเทศในปีหน้า ขณะนี้ อยู่ระหว่างเข้าไปดูพื้นที่และเจรจากับพันธมิตร "ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะปักธงประเทศที่จะเข้าไปขยายสาขาเพิ่ม โดยคาดว่าจะเป็น 1 ใน 3 ที่กำลังศึกษาอยู่ คือ เวียดนาม มาเลเซีย หรือ อินโดนีเซีย" Tags : โรบินสัน • ออฟฟิศเมท • กำลังซื้อ • เศรษฐกิจ