ตลาดหลักทรัพย์ประสานก.ล.ต.สอบปั่นหุ้น"เอบีซี"หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง6วันติดพร้อมสั่งแขวน"เอสพี"เตือนสติ ตลาดหลักทรัพย์ ประสาน ก.ล.ต. สอบปั่นหุ้น "เอบีซี" หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง 6 วันติด พร้อมสั่งแขวน "เอสพี" เตือนสตินักลงทุน ด้าน "เกศรา" ชี้เพื่อป้องกันความเสียหายแก่นักลงทุน ด้านผู้บริหารเก็บตัวเงียบ แจ้งห้องค้ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ พร้อมยืนยันไม่ทราบสาเหตุหุ้นวิ่งแรง ขณะที่มาร์เก็ตแคปหุ้นใหญ่ "ปรเมษฐ์" พุ่งแตะ 8.5 พันล้านบาท จากเงินที่ใช้เทคโอเวอร์ 224 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์เผย ตลท. รุดขอข้อมูลเทรดหุ้น รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ส.ค.) เวลา 9.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายชั่วคราว(เอสพี) ในหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เนื่องจากพบว่า สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทผิดไปจากสภาพปกติ และ ตลาดหลักทรัพย์ อยู่ระหว่างตรวจสอบถามข้อมูลจากบริษัท หลังพบว่าราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 6 วันทําการที่ผ่านมา 15-22 ส.ค.2557 ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นชนเพดานสูงสุด (ซิลลิ่ง) ติดต่อกัน โดยราคาหุ้นของเอบีซีได้ปรับขึ้นจาก 18.20 บาท มาปิดที่ 63.50 บาทในวันที่ 21 ส.ค.2557 มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนจะทำการแตกพาร์จาก 1 บาทเหลือ 0.10 บาท โดยมีผลในวันที่ 22 ส.ค.2557 ขณะที่ราคาหุ้นในวันดังกล่าวปิดที่ 8.20 บาท (พาร์ 0.10 บาท) โดยตลอดระยะเวลา 6 วันทำการ ราคาหุ้นเอบีซีได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงดังกล่าวหลักทรัพย์ เอบีซี เข้าข่ายตามเกณฑ์ แคชบาลานซ์ หรือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายผิดปกติ และผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องวางเงินสดเป็นประกันเต็มจํานวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านการชําระราคา รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามถึงพัฒนาการที่สําคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขาย โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ ต่อมาในวันที่ 21 ส.ค.2557 ราคาหุ้นเอบีซี ยังคงปรับตัวสูงชนซิลลิ่ง โดยปิดที่ราคา 63.50 บาท ราคาพาร์ 1 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงแจ้งนักลงทุน ให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามสภาพการซื้อขายเอบีซี ในวันที่ 22 ส.ค.2557 ยังคงปรับตัวสูงผิดปกติอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 6.35 บาท ราคาพาร์ 0.10 บาท มาปิดที่ราคา 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 29.13% ขณะที่มูลค่าตามบัญชี ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท ปรับเทียบกับ ราคาพาร์ ที่ 0.10 บาท เท่านั้น ในขณะที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) ของบริษัทสูงถึง 68 เท่า ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบทั้งในประเด็นของลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดําเนินงาน ข้อมูลทางการเงินอื่นๆ เช่น มูลค่าตามบัญชีของบริษัท เพื่อเปรียบเทียบกับราคาหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากดังกล่าวของบริษัท รวมทั้งได้ศึกษาถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทจะได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาและปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนเอง ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2557 เป็นต้นไป นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมายเอสพีในหุ้นเอบีซี เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดการซื้อขายเพื่อพิจารณาการลงทุนในหุ้นดังกล่าว โดยที่ผ่านมาราคามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงอยากให้นักลงทุนหยุดตั้งสติเพื่อป้องกันความเสียหาย "เราได้ขึ้นเครื่องหมาย เอสพี กับหุ้นดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดในการพิจารณาว่าเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต" เขากล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผิดปกตินั้น ทางตลท.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาทาง ตลท. ได้ทำหนังสือสอบถามถึงความเคลื่อนไหวของบริษัท แต่ทางบริษัทไม่ได้มีการตอบในประเด็นดังกล่าว ทำให้ต้องขึ้นเครื่องหมายเอสพีไว้ก่อน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไบร์ท จํากัด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และ เมื่อเวลา 13.15 น.บริษัท ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญและไม่ทราบสาเหตุอื่นที่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย สำหรับ นายปรเมษฐ์ ได้ใช้เงินในการซื้อหุ้นเอบีซีจากผู้ถือหุ้นเดิม ผ่านการทำบิ๊กล็อตและเทนเดอร์ออฟเฟอร์รวมเป็นเงินประมาณ 224 ล้านบาท และปัจจุบันเขาถือหุ้นเอบีซี รวมประมาณ 104 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ขณะที่ราคาปิดของหุ้น เอบีซี ณ วันที่ 22 ส.ค.อยู่ที่ 8.2 บาท ราคาพาร์ที่ 0.10 บาท แต่หากเทียบพาร์ที่ 1 บาท ราคาหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 82 บาท เท่ากับว่า นายปรเมษฐ์ มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ยืนยันว่ากรณีหุ้นเอบีซี มีการซื้อขายผิดจากสภาพปกติและมีแนวโน้มที่มีเจตนาสร้างราคาหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาหลักฐานเอาผิด ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นเอบีซี สามารถปรับตัวขึ้น ชนซิลลิ่งได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันมีน้อย การสร้างราคาจึงทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน ขณะเดียวกัน มีนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาผสมโรงโดยการซื้อขายแบบเก็งกำไรต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว "การซื้อขายหุ้นเอบีซีถือว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาหุ้น โดยราคาเพิ่มขึ้นอย่างหวือหวา และอยู่ระหว่างการขอข้อมูลตรวจสอบการซื้อขายดังกล่าว" แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวคาดว่า ตลท.น่าจะมีการส่งหนังสือเพื่อขอข้อมูลการซื้อขายไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่อาจมีการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไปจะไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว ทั้งนี้ในด้านการลงทุนนั้น ยอมรับว่ามีนักลงทุนได้สอบถามการลงทุนในหุ้นดังกล่าวเข้ามา ซึ่งทางบล.ไม่แนะนำให้ลงทุน เพราะถือว่ามีความเสี่ยงกับนักลงทุน เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นแรงเกินไป นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันถือว่าราคาหุ้นไม่ได้อยู่ในระดับที่ถูก และหลายหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปมาก ในขณะที่ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนตลาดนั้นเริ่มน้อยลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันไปลงทุนในหุ้น ที่มีราคาต่ำกกว่า 10 บาท กันมากขึ้น ซึ่งหุ้นเล่านี้เล่นกับข่าวและไม่ได้อ้างอิงกันพื้นฐาน "หุ้นต่ำ 10 บาท หรือหุ้นต่ำบาท กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะหุ้นเหล่านี้ราคาวิ่งขึ้นเร็วกว่าปกติ และมีกำไรที่มากในระยะเวลาสั้น ทำให้นักลงทุนที่ชอบเสี่ยงเข้ามาลงทุนกัน ทั้งๆที่บางรายไม่ทราบด้วยซ้ำว่าทำธุรกิจอะไร ซึ่งในรายของบริษัทที่เป็นข่าวนั้น ก็เชื่อว่านักวิเคราะห์หลายคนก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาทำธุรกิจอะไร" ทั้งนี้ หุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงนั้น ส่วนใหญ่จะซื้อขายตามข่าว ซึ่งหากมีข่าวเข้ามากระทบบริษัท ราคาหุ้นพร้อมที่จะวิ่งทันที ส่วนความเสี่ยงนั้นคือ หากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังราคาหุ้นอาจปรับตัวร่วงลงแรงได้เช่นกัน ซึ่งหุ้นเหล่านี้ต้องยอมรับว่า มีสภาพคล่องที่น้อยมาก ในช่วงที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจมีปริมาณการซื้อขายให้นักลงทุนสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ง่าย แต่หากราคาหุ้นถูกทิ้งลงมา สภาพคล่องจะหาไปและทำให้นักลงทุนอาจขาดทุนหนักได้ Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • ก.ล.ต. • ปั่นหุ้น • ABC • เอบีซี