อดีตนางแบบระดับโลกที่ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ ชีวิตพลิกผันเป็นคนเร่ร่อนจนเป็นข่าวโด่งดัง "ยุ้ย รจนา" ควงผู้จัดการส่วนตัว "มาดามเกด"เผยอาการป่วย หลังเข้าโรงพยาบาลเป็นรอบที่ 4 สาเหตุจากการไม่กินยาตามหมอสั่งจนมีอาการก้าวร้าว วอนขอโอกาสในการทำงานวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังออกจากโรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง? ยุ้ย : สบายดีค่ะ คุณหมอบอกให้ทานยาตลอดชีวิตค่ะ แล้วอย่าดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ ที่เข้าโรงบาลไปก็เป็นรอบที่ 4 ตอนนี้แข็งแรงดี หลังจากเข้าไปอยู่โรงบาล 2 เดือน ออกมาก็ต้องปรับตัวนิดนึง สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้น ได้ปรับความเข้าใจกับมาดามเกด สาเหตุที่เข้าโรงบาลครั้งที่ 4 เพราะอะไร? ยุ้ย : เพราะไม่ได้ทานยาค่ะ อาจจะมีบ้างที่สูบบุหรี่ แต่คราวนี้ถือว่าเข็ดแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเอง ตอนนี้ก็อยู่กับมาดามเกต สัญญาไหมว่าจะไม่ยุ่งกับเหล้า บุหรี่อีก? ยุ้ย : สัญญาค่ะ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตอนนี้เราโอเค ทำงานปกติ แต่ต้องไม่ขาดยา 3 เวลา ตอนนี้ต้องขอโอกาสกับแฟนๆ เพราะเราเริ่มทำสิ่งดีๆ ต่อไปนี้เป็นคนใหม่ ไร้สาร ไร้ยาเสพติด จะไม่มีคนเก่าที่เดินเร่ร่อนข้างถนน สูบบุหรี่ ก็ขอโทษแฟนๆ ที่เคยทำให้ผิดหวัง ต่อไปยุ้ยจะเป็นคนดี เหมือนเคยอยู่จุดสูงสุด แล้วก็ตกต่ำที่สุด ท้อไหม? ยุ้ย : ท้อมาตลอดชีวิต ที่ผ่านมาเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เยอะ จริงๆ แล้วรจณาไม่มีอะไร ต่อไปขอให้พี่ๆ ติดตามเรื่องดีๆ ของยุ้ย ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ยุ้ย : อยู่กับมาดามเกดค่ะ มาดามเกดให้ความเมตตา ที่ผ่านมาเข้าใจผิดกัน เพราะยุ้ยเป็นโรคที่รักษามานาน แล้วมาดามเกดก็ไม่เคยอยู่กับคนเป็นโรคนี้ เลยระเบิดขึ้นมาจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้ว ทำไมพี่เกดถึงให้โอกาสยุ้ยอีกครั้ง? มาดามเกด : เพราะเค้าไม่มีญาติ และเราก็ดูแลแต่ต้น ส่งเค้าเข้าโรงพยาบาลเพื่อบำบัด ไม่ได้เอาไปทิ้ง คนป่วยหายก็ต้องรับกลับมาบ้าน และขึ้นอยู่กับเค้าว่าจะอยู่กับใคร แม่ก็บวชชีอายุ 80 กว่า ป่วยหนัก พี่ชายก็ทำงาน ไม่สามารถดูแลยุ้ยที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายได้ พี่ได้รู้ว่าต้องดูแลยังไงกับผู้ป่วยโรคนี้ แผนการรักษาต่อไปจะเป็นยังไงบ้าง? มาดามเกด : ณ ตอนนี้คือทานยา 3 เวลาหลังอาหาร นอนเร็ว ตื่นเร็ว ออกกำลังกาย ห้ามเครียด ห้ามโทรศัพท์ ถ้าคิดมากจะเก็บกดและซึม ต้องไปพบหมอทุกเดือน ตอนนี้ไม่มีอาการให้ตกใจแล้ว ก่อนหน้าที่ยุ้ยจะกลับไปโรงพยาบาลรอบ 4 เค้าก้าวร้าวมาก ตาขวาง พูดไม่รู้เรื่อง ไม่อยู่บ้านเลย หายไปฝังตัวอยู่ร้านค้า แอบมั่วสุมกับคนระดับล่างอย่างคนขับซาเล้ง พี่เอาเค้าไม่อยู่เลยเรียกพี่ชาย เค้าก็บอกว่ายุ้ยขาดยา เลยต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งที่ 4 งานในวงการบันเทิงแข่งขันสูง กลัวมีผลกระทบกับยุ้ยไหม? มาดามเกด : ถ้าได้ทานยา เค้าจะควบคุมอารมณ์ได้ เค้าออกจากโรงพยาบาล 8 ส.ค. ยังไม่มีอะไรผิดเพี้ยน พี่คิดว่า วันที่ 8 ที่จะถึงนี้ หมอนัด และเค้าก็จะเป็นพรีเซนเตอร์นำร่องของโรคนี้ หมอจะดูแลเค้าเป็นพิเศษ ถ้างานในวงการบันเทิง เดินแบบเค้าทำได้ดี แต่ละครบทยาวๆ อาจจะจำไม่ค่อยได้ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ายุ้ยถูกทิ้งที่โรงพยาบาล? มาดามเกด : ถ้าถูกทิ้ง ต้องทิ้งเลยไม่รับกลับมา แต่ยุ้ยเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ 21 มิ.ย. ถึง 8 ส.ค. เดือนกว่ายุ้ยจะเจอหน้าพี่ทุกอาทิตย์ พี่ไม่ได้ทิ้ง พี่ยังมีเมตตาด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ มีข่าวว่าพี่เกดเอาเงินพี่ยุ้ยไป 3 หมื่น? ยุ้ย : คือยุ้ยถอนเงินมาฝากอีกบัญชี แล้ววันที่เข้าโรงพยาบาลก็พกเงินไปด้วย และฝากเงินไว้กับพี่ชายทั้งหมดไม่ได้หายซักบาท ผู้ดูแลคนเก่าได้เจอไหม? ยุ้ย : ไม่ได้เจอเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ยุ้ยก็ไม่อยากอคติกับใคร แต่บางที ใครทำอะไรเดี๋ยวทุกคนก็รู้เองว่าอะไรสมควร อะไรไม่สมควร งานในวงการต้องนับหนึ่งไหม? ยุ้ย : งานอาจจะไม่นับหนึ่ง แต่สุขภาพต้องนับหนึ่งค่ะ จากนี้จะวางแผนชีวิตยังไง? ยุ้ย : ถ้ามีงานอะไรก็ติดต่อมาดามเกดโดยตรง เพราะยุ้ยจะไม่ใช้มือถือ และก็ทำหมวกเป็นโลโก้ของยุ้ยด้วย