สแตนชาร์ตใช้ไทยเป็นฮับลุยซีแอลเอ็มวี เชื่อความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจจะมีมากขึ้นในอนาคต นางลิน ค็อก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลุ่มแม่น้ำโขง สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปิดเผยถึงกรณีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกลุ่มประเทศในลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย ประเทศไทยและกลุ่มซีแอลเอ็มวี คือลาว กัมพูชา เวียดนามและพม่า ว่านโยบายของธนาคารจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของลุ่มน้ำโขง เนื่องจากประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทั้งตลาดเงินและตลาดทุนที่พัฒนาไปมากจึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาตลาดการเงินให้กับกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งที่ผ่านมาทางการไทยทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง มีส่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดเงินตลาดทุนรวมถึงการชำระเงินในลุ่มน้ำโขงค่อนข้างมาก โดยในขณะนี้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีสาขาในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้แก่เวียดนามที่เปิดดำเนินการมากว่า 110 ปี ประเทศลาวเปิดมา 18 ปีแล้ว ส่วนกัมพูชาในขณะนี้มีสำนักงานตัวแทนอยู่มากว่า 20 ปี และในปีหน้าจะยกระดับเป็นสาขาได้ สำหรับประเทศพม่านั้นธนาคารมีสำนักงานตัวแทน แต่ไม่เปิดเป็นสาขา แต่จะใช้ธุรกิจในประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์หลักในการดูแลลูกค้าที่จะเข้าไปในพม่า เช่นการปล่อยกู้ที่ทำได้จากในประเทศ รวมถึงการทำงานร่วมกับธนาคารท้องถิ่นในพม่าเช่นกัน ซึ่งจุดแข็งของธนาคารในการสนับสนุนการออกไปลงทุนต่างประเทศของลูกค้าคือเราจะมีปริมาณเงินดอลลาร์ในมือค่อนข้างมาก เนื่องจากมีสาขาในศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลก ขณะเดียวกันการมีสาขาในประเทศต่าง ๆ ยังทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการใช้เงินสกุลท้องถิ่นได้ด้วย "อย่างไรก็ตามนโยบายการลงทุนจะเป็นการออกไปลงทุนด้วยเงินทุนของบริษัทแม่ จะไม่มีการรวมบัญชีเข้ามากับธนาคาร แต่เราจะร่วมมือในแง่ของการบริหารจัดการ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการเติบโตของกลุ่มซีแอลเอ็มวีจะรวดเร็วกว่าอาเซียนโดยรวมที่คาดว่าจีดีพีของอาเซียนจะอยู่ที่ 5.3% แต่จีดีพีเวียดนามอยู่ที่ 5.5% พม่า 6.8%ลาวและเขมรอยู่ที่ 7% ขณะที่เม็ดเงินลงทุนโดยตรงหรือเอฟดีไอที่ไหลเข้ามาในอาเซียนกว่า 19% เลือกลงทุนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ซึ่งประเทศไทยกับประเทศซีแอลเอ็มวีมีความเชื่อมโยงกันค่อนข้างมาก ที่ผ่านมาไทยได้เข้าไปลงทุนในซีแอลเอ็มเป็นอันดับ 4 ของเม็ดเงินลงทุนที่ออกไปในปี 2555 และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต" นางลิน ค็อก กล่าวว่า การเข้าไปในประเทศลุ่มน้ำโขงในระยะแรกจะมุ่งเน้นที่ลูกค้าขนาดใหญ่ก่อน เพราะเรารู้จักลูกค้าอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดสาขาของธนาคารจะรองรับบริการให้กับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นหลัก แต่เราจะไม่ส่วนธุรกิจรายย่อยคงต้องปล่อยให้ธนาคารในท้องที่ดูแลไปก่อนเพราะรู้จักพื้นที่ดีกว่า ซึ่งการเชื่อมไปธุรกิจเอสเอ็มอีและรายย่อยเป็นเรื่องระยะยาว สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ธนาคารยังคงคาดการณ์การเติบโตที่ระดับ 3.5% จากเม็ดเงินลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี และยังได้รับอานิสงส์จากฐานที่ต่ำในครึ่งหลังของปี 2556 รวมถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วยจากมุมมองที่เป็นบวกกับเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปี 2558 ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย ในส่วนของธุรกิจในประเทศนั้น ยอมรับว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวจากความไม่แน่นอนทางการเมืองใน 5 เดือนแรก แต่ครึ่งหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามธนาคารไม่เน้นการขยายตัวของสินเชื่อ แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ เนื่องจากให้ความสำคัญกับผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในประเทศยังสร้างผลตอบแทนไม่สูงมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่สภาพคล่องในระบบยังมีเหลืออยู่มาก ทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อไม่ โดยปัจจุบันสภาพคล่องในระบบอยู่ที่ 1-2 ล้านล้านบาท ทำให้มองว่าการเติบโตสินเชื่อในปีนี้จะอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้ธนาคารคาดหวังว่าในปีหน้าเมื่อภาครัฐมีการผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้ความต้องการใช้เงินในระบบเพิ่มขึ้น เมื่อสภาพคล่องลดลงการกำหนดราคาสินเชื่อจะดีขึ้น ดังนั้นจะเห็นธนาคารกลับมารุกขยายสินเชื่อได้ในปี 2558 ในส่วนของผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของธนาคารยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก หรือประมาณ 10% ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ในประเทศส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากทุนที่มีอยู่ในระดับสูงโดยปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 20% เพื่อให้มีความพร้อมรับมือกับโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้น Tags : สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ • ไทย • ฮับ • ซีแอลเอ็มวี