กลุ่มรับเหมาก่อสร้างเริ่มคึกคัก แห่เตรียมแผนรับการลงทุนรัฐ เผย "เนาวรัตน์" จ่อยื่นประมูลงานเพิ่มอีก 7.2 พันลบ ภายหลังสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนขึ้น ทำให้หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งวางแผนที่จะลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เตรียมแผนในการเข้าประมูลงานกันอย่างคึกคัก นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส แผนกธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนจากนี้ บริษัทเตรียมยื่นประมูลงาน รวมมูลค่ากว่า 7,200 ล้านบาท แบ่งเป็นงานราชการ 30% งานรัฐวิสาหกิจ 30% และงานเอกชน 30% ทั้งนี้บริษัทคาดโอกาสชนะงานไม่ต่ำกว่า 25% ของมูลค่างานที่ยื่นประมูล โดยจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในปี 2557 และที่เหลือทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือทั้งสิ้น 14,661 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 35% และที่เหลือทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2559 สำหรับศักยภาพการเงินในปัจจุบันบริษัทสามารถรับงานได้มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มทุน ขณะที่หากได้รับโปรเจคขนาดใหญ่ก็จะใช้เครื่องมือทางการเงินการออกหุ้นกู้มากกว่าเพิ่มทุนเพราะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นน้อยกว่า และสามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี เสนอขายในวันที่ 25-27 ส.ค. นี้ อัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ประเมินโดย ทริสเรทติ้ง อยู่ที่ BBB- วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ โดยบริษัทมีเงินกู้อยู่จำนวน 200 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 7.45% หลังจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำเงินไปชำระหนี้ดังกล่าวทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะใช้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 700 ล้านบาท สร้างโรงงานพรีแฟลท 165 ล้านบาท ใช้สำหรับลงทุนในพม่า 200 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ มั่นใจว่าหุ้นกู้ที่ออกครั้งนี้จะขายได้ทั้งหมด เพราะจากการสำรวจพบว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นมีความสนใจเป็นจำนวนมาก นายปสันน กล่าวอีกว่า รายได้รวมปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ประเมินไว้ต้นปีที่ 5% จากปีก่อนที่ทำได้ 6,955.69 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 58.36 ล้านบาท โดยหลังจากปัญหาการเมืองสงบทำให้อุตสาหกรรมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีงานจากภาครัฐเข้าสู่ระบบมากขึ้น ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิ ปีนี้จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 0.84% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 7% จากปีก่อนที่ 5.31% เนื่องจากบริษัทมีการรับงานใหม่ที่มีมาร์จินสูง เช่น งานก่อสร้างอุโมงค์และงานขุดเจาะถ่านหินที่แม่เมาะ รวมถึงในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการ อสังหาฯเข้ามาเสริมด้วย ซึ่งมีมาร์จินอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็น 10% ในปี 2559-2560 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3% เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการทำกำไรที่สูง มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 20-30% ซึ่งบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการอยู่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท และในปี 2558 จะเปิดโครงการใหม่แนวราบ มูลค่า 150 ล้านบาท และมองหาโอกาสการซื้อที่ดินที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวเพิ่มว่า แผนธุรกิจในปี 2558 บริษัทยังเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั้งในส่วนของการลงทุนภาครัฐ และเอกชน ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะมองหาโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยในปี 2558 เตรียมเข้าประมูลงานเกี่ยวกับระบบน้ำในประเทศเวียดนามและศรีลังกา มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วงกลางปี ทั้งนี้ งานที่ประเทศเวียดนามเป็นงานระบบประตูน้ำ ส่วนที่ประเทศศรีลังกาเป็นการทำระบบท่อน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเข้าไปลงทุนเองหรือร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น ส่วนงานที่ประเทศพม่า หลังจากที่บริษัทไม่ผ่านการประมูลงานสร้างสะพาน ก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยมองหาการเข้าซื้อตึกอาคารออฟฟิศให้เช่าในเมืองย่างกุ้ง โดยได้เตรียมเงินลงทุนไว้ประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีความสนใจลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ประเทศลาว คาดว่าจะเริ่มศึกษารวมถึงได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายในปี 2558 เช่นกัน สาเหตุที่สนใจเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าเกิดจากบริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศดังกล่าวอยู่แล้ว จึงเห็นว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศลาวมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ขณะที่บริษัทมีความพร้อมในด้านการก่อสร้างและเงินทุนอยู่แล้ว นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมูลค่างาน 500 -600 ล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นภาครัฐ 300 - 400 ล้านบาท และภาคเอกชน 200 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่ารวมทั้งหมด โดยในส่วนของภาคเอกชนคาดว่าจะสามารถประมูลงานได้ทั้งหมด ส่วนภาครัฐต้องรอดูโครงการที่จะออกมาในไตรมาส 4/2557 ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะชนะประมูลในสัดส่วนเท่าไหร่ เขากล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 19.33 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 9.47% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิที่ 6.58% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น ในครึ่งปีแรกแตะ 34.92% จากปีก่อนที่ทำได้ 31.94% เป็นผลจากการที่บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าทั้งปีน่าจะรักษาระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกไว้ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจทบทวนเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ โดยจะปรับลดลงจากเดิมที่ประเมินไว้ต้นปีที่ 10 เนื่องจากโครงการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนยังไม่ฟื้นตามที่คาด "ปัจจุบันนี้งานประมูลต่างๆ ที่มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตได้ใหม่หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแต่ปัจจุบันก็ยังกลับมาได้ไม่เต็มที่ บริษัทก็ต้องรอดูงานที่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ก่อนหากเข้ามาได้ทันก็ยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% หากงานประมูลออกมาล่าช้า บริษัทฯ ก็อาจมีแผนปรับลดเป้ารายได้ลงในช่วงไตรมาส 3/2557" นายธัช กล่าว สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2557 บริษัทมีรายได้รวม 138.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.71 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 134.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.51% และมีกำไรสุทธิจำนวน 13.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.76 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 8.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.03% สาเหตุการเพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้รายได้งานบริหารโครงการก่อสร้างของกลุ่มลูกค้าในภาคเอกชนเป็นหลัก ประกอบกับมีการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 34.92% ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมุ่งเน้นควบคุมต้นทุนดำเนินงาน เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามเป้าหมาย Tags : รับเหมาก่อสร้าง • ลงทุนภาครัฐ • ปสันน สวัสดิ์บุรี