หญิงชาว UAE คนหนึ่งถูกศาลตัดสินสั่งปรับเงิน 150,000 เดอร์แฮม (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) พร้อมลงโทษเนรเทศ หลังจากที่เธอยอมรับในศาลว่าเธอได้แอบเปิดเช็คโทรศัพท์ของสามีโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีนี้เป็นเรื่องราวของคู่สามีภรรยาชาวอาหรับที่อยู่กินกันมานานกว่า 30 ปี โดยทางภรรยานั้นรู้สึกสงสัยว่าสามีจะแอบไปมีชู้ จึงเปิดโทรศัพท์ของสามีเพื่อตรวจสอบและพบการส่งรูปวาบหวิวให้กันกับหญิงคนอื่น เธอจึงส่งรูปภาพเหล่านั้นผ่าน WhatApp ไปยังโทรศัพท์ของเธอเอง โดยหวังจะใช้รูปภาพนั้นเป็นหลักฐานในการเอาฟ้องร้องเอาผิดสามีฐานนอกใจ ทว่าฝ่ายสามีนั้นไม่ใช่ราชสีห์ที่จะยอมให้กวางน้อยมาขย้ำเล่นได้ง่ายๆ จึงจัดการฟ้องร้องฝ่ายหญิงฐานละเมิดความเป็นส่วนตัว และก็ชนะคดีเสียด้วย คดีนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาลอาญา Ajman ซึ่งฝ่ายภรรยาก็ยอมรับตรงไปตรงมาว่าได้แอบเปิดโทรศัพท์ของสามีและส่งรูปผ่าน WhatsApp จริงดังที่ถูกกล่าว ศาลจึงตัดสินว่าเธอมีความผิดอาญาในกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ โดยกฎหมายระบุว่า ผู้ใดใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และ/หรือระบบข้อูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดเพื่อการรุกล้ำสิทธิ์ส่วนบุคคลของผู้อื่นนอกเหนือไปจากกรณีที่กฎหมายได้อนุญาต พึงได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และปรับไม่น้อยกว่า 150,000 เดอร์แฮม แต่ไม่เกิน 500,000 เดอร์แฮม หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ศาลได้พิจารณาว่าควรลงโทษเนรเทศจึงจะเหมาะสมกว่าโทษจำคุก โดยการตัดสินโทษนั้นมีขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนเรื่องความผิดเรื่องการคบชู้ของฝ่ายสามีนั้นไม่มีรายงานว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันอย่างไร นอกเหนือจากตัวอย่างคดีใน UAE แล้ว กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ในประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งกำลังร่างกันอยู่นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยโทษที่ถูกกำหนดไว้สำหรับภรรยาที่แอบเช็คโทรศัพท์มือถือของสามีนั้นมีทั้งโทษโบยและโทษจำคุก โดยโทษเหล่านี้เป็นการปรับใช้กฎหมายละเมิดความเป็นส่วนตัว ทั้งนี้เป็นเพราะการกระทำผิดเรื่องการแอบตรวจข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือนี้ไม่อาจปรับให้เข้ากับกฎหมายศาสนาอิสลามได้โดยตรง Al-Temyat ที่ปรึกษาด้านกฎหมายซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกดำเนินงาน Family Security Programme (โปรแกรมหนึ่งของกระทรวงพิทักษ์ชาติของซาอุดิอาระเบียซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางสังคมได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น) ได้กล่าวถึงกฎหมายอันเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในขณะนี้ว่า การกระทำผิดเรื่องการแอบเช็คโทรศัพท์นี้เป็นลักษณะที่ไม่มีการกล่าวถึงในกฎหมายศาสนาอิสลามโดยตรง ดังนั้นการพิจารณาคดีตัดสินโทษนั้นอาจมีได้หลายระดับ อาจเป็นการจำคุก, โบย, การลงชื่อยอมรับผิด หรืออาจไม่โดนลงโทษใดเลยก็ได้ ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายจากการกระทำผิดนั้น เขายังบอกด้วยว่ากฎหมายนี้ย่อมมีผลบังคับใช้ทั้งกับฝ่ายภรรยาและสามี ข่าวนี้น่าสนใจในหลายแง่ ถึงแม้ว่าเนื้อหาหลักนั้นคือของการบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้คน ทว่าในเวลาเดียวกันการบัญญัติและบังคับใช้กฎหมายที่ว่านี้ก็ดูหมิ่นเหม่ต่อสายตาสังคมเหลือเกิน เสียงจากด้านหนึ่งร้องออกมาด้วยความหวั่นวิตกว่ากฎหมายนี้จะถูกนำไปใช้โดยเลือกปฏิบัติแบบแบ่งเพศ และในขณะที่เสียงจากอีกทางหนึ่งบอกถึงความไม่เห็นด้วยกับการเอากฎหมายมาสร้างเกราะกำแพงกั้นกลางระหว่างคู่ชีวิตสามีภรรยา ซึ่งควรจะใช้ชีวิตกันแบบปราศจากความลับต่อกันโดยสิ้นเชิง ที่มา - Independent: 1, 2, Gulf News Topics: PrivacyLegalUAESaudi Arabia