บทวิเคราะห์ Adobe ยุคใหม่ สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคอมพิวเตอร์มายังอุปกรณ์พกพา

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 16 พฤศจิกายน 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    หลายปีผ่านมาแล้วที่ iPad เกิดมาเพื่อเปิดตลาดแท็บเล็ตอีกครั้ง ช่วงแรกอุปกรณ์ตระกูลนี้ทำได้เพียงเข้าเว็บ เล่นเกม ทำงานพื้นฐาน แต่หลังจากนั้นประสิทธิภาพของอุปกรณ์ตระกูลนี้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถทำงานหนักได้ในระดับหนึ่ง ช่วงหลังจึงเห็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการจดโน๊ตหรือเติมเต็มการทำงานมาลงบนแท็บเล็ตมากขึ้น

    ปัจจุบัน แท็บเล็ตมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก แต่ซอฟต์แวร์ที่จะทำงานสร้างสรรค์ได้ระดับต้นจนจบบนแท็บเล็ตยังน้อย เพราะแอพส่วนใหญ่ แม้กระทั่งแอพของ Adobe ก่อนหน้านี้ยังคงทำงานเป็นส่วนเติมเต็มเท่านั้น แต่ตอนนี้ Adobe กำลังบุกตลาดงานสร้างสรรค์บนแท็บเล็ตเต็มตัวด้วย Creative Cloud ซึ่งจะทำให้การทำงานระหว่างแอพบนอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น

    ดินสอกับแท็บเล็ต


    iPad Pro เปิดตัวมาพร้อม Apple Pencil การที่ Adobe นำ Photoshop Mix, Photoshop Fix มาเปิดตัวพร้อม iPad Pro เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่า Adobe กำลังสนใจตลาดแท็บเล็ต

    เทคโนโลยีการป้อนข้อมูลบนแท็บเล็ตในอดีตคือจิ้มจออย่างเดียว (แม้จะมีปากกา แต่จอก็ยังไม่สามารถแยกแรงกดได้) แต่ปัจจุบัน ปากกาบนแท็บเล็ตที่หลายเจ้าผลิตออกมา ทั้ง Apple Pencil, Surface Pen, Pencil by FiftyThree, Adonit ฯลฯ สามารถแยงแรงกดได้หลายระดับ ถือเป็นเทคโนโลยีด้านการป้อนข้อมูลแบบใหม่ ทำให้แท็บเล็ตมีความได้เปรียบคอมพิวเตอร์มากขึ้น และเป็นอุปกรณ์ที่พกพาไปทำงานได้ Adobe จึงมองเห็นว่าแท็บเล็ตมาแน่

    [​IMG]

    Creative Cloud ผสานการทำงานระหว่างแอพบนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พกพา


    Adobe ได้ให้คำนิยามของ Creative Cloud ไว้ว่าคือ “Desktop + Mobile + Services + Community + Assets” ซึ่ง Adobe จะไม่ใช่ผู้สร้างซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว แต่จะผันตัวมาเป็นผู้ให้บริการเพื่องานสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นด้านซอฟต์แวร์ (แอพบน Desktop + Mobile), บริการซิงค์ (CreativeSync), บริการค้นหาสิ่งจำเป็นต่อการทำงานสร้างสรรค์ (Assets เช่น Adobe Stock), ชุมชน (Behance)

    หากยังจำกันได้ เมื่อตอน Adobe เปิดตัว Creative Cloud พร้อมกับเหล่า Touch Apps เป็นจุดเริ่มต้นของการบุกตลาดงานสร้างสรรค์บนแท็บเล็ตอย่างจริงจังครั้งแรกของ Adobe เพราะแม้ว่า Adobe จะมีแอพบนแท็บเล็ตอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีโซลูชั่นที่จะทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างแอพในแท็บเล็ต หรือระหว่างแท็บเล็ตกับคอมพิวเตอร์อย่างราบรื่น

    Creative Cloud เปลี่ยนแปลงการขายซอฟต์แวร์ Adobe จากขายขาด มาเป็นการให้เช่าใช้งานแทน เพราะ Adobe เห็นว่าการทำงานปัจจุบันไม่ได้จำกัดเฉพาะคอมพิวเตอร์อีกต่อไป ฉะนั้น Creative Cloud จึงไม่ใช่การเช่าใช้งานซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเช่าโซลูชั่นการทำงานจาก Adobe เพื่อให้งานสร้างสรรค์สามารถสร้างได้ทุกที่ที่มีไอเดีย

    CreativeSync ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของการทำงานบนอุปกรณ์พกพา อย่างที่ทราบกันดีว่าอุปกรณ์พกพานั้นมีข้อจำกัดอยู่ ถ้าจะให้โหลดไฟล์ขนาดใหญ่มาลงเครื่อง กว่าจะรอดาวน์โหลดเสร็จอารมณ์ที่จะทำงานสร้างสรรค์ก็คงจะหมดไปแล้ว

    วิธีที่ Adobe ใช้คือการส่งไฟล์เท่าที่จำเป็นให้อุปกรณ์ เช่น หากเปิด Lightroom บนอุปกรณ์พกพา CreativeSync จะส่งไฟล์โดยดูจากอุปกรณ์และแบนวิธของอินเทอร์เน็ต (ลักษณะคล้ายการสตรีม) ซึ่งไฟล์ที่ส่งมาให้นี้แม้จะไม่ใช่ไฟล์ขนาดเต็มแต่ก็สามารถปรับแต่งได้ทุกอย่าง โดยการกระทำทุกอย่างจะถูกซิงค์เก็บไว้ใน CreativeSync พอไปเปิดคอมพิวเตอร์ ก็สามารถแก้ไฟล์ต่อจากอุปกรณ์พกพาหรือว่าจะส่งออกไฟล์เป็นขนาดเต็มเลยก็ได้



    Touch Apps


    [​IMG]

    เมื่อเรามี Cloud มีอุปกรณ์ ก็ต้องมีแอพ สำหรับแอพบนอุปกรณ์พกพาของ Adobe จะเรียกว่า Touch Apps เริ่มจากแอพหลักในตอนแรกอย่าง Photoshop Touch ตามมาด้วย Lightroom, Illustrator Draw ฯลฯ ซึ่ง Adobe ก้ได้ปรับปรุงพัฒนาแอพมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป หรือแยกแอพออกจากกัน ซึ่งตอนนี้ Adobe ได้แบ่ง Touch Apps เป็นหมวดใหญ่ๆ คือ

    • Capture แอพสำหรับเก็บไอเดียรอบตัว ได้แก่ Capture CC
    • Design and illustration แอพสำหรับสร้างและวาด พร้อมพรีวิวงาน ได้แก่ Illustrator Draw, Photoshop Sketch, Comp CC, Preview CC
    • Visual Storytelling แอพสร้างสรรค์เรื่องราวเสมือนและวิดีโอภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ Slate, Premiere Clip, Voice
    • Photography and Creative Imaging แอพสำหรับจัดการภาพถ่าย ได้แก่ Lightroom for mobile, Photoshop Mix, Photoshop Fix
    • Community สำหรับการโชว์ผลงานและติดต่อกับชุมชนนักสร้างสรรค์ ได้แก่ Behance และ Creative Portfolio



    แนวคิดของ Touch Apps ในช่วงหลังของ Adobe เริ่มชัดเจนมากขึ้น คือเน้นการทำงานกับ Cloud เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ สังเกตตได้จาก Adobe ไม่เก็บเงินจากการซื้อ Touch Apps บางแอพเปิดให้ใช้ฟรีด้วย แต่การซิงค์ไปมาต้องพึ่ง Creative Cloud ฉะนั้นผู้ที่ต้องการทำงานอย่างครบครัน ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พกพาก็จำเป็นต้องจ่ายเงินใช้ Creative Cloud

    Touch Apps ของ Adobe จะมีการทำงานต่อเนื่องกัน โดยมี CreativeSync ทำงานเบื้องหลังเพื่อซิงค์ไฟล์ไปมาระหว่างแอพ (ในอนาคต Adobe จะเปิดให้แอพอื่นเข้าถึง CreativeSync ด้วย) เช่น กำลังแต่งภาพใน Lightroom แล้วส่งภาพไปรีทัชใน Photoshop Fix จากนั้นส่งไปแก้ต่อใน Photoshop Mix ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในไม่กี่คลิก

    [​IMG]

    Touch Apps ที่น่าสนใจของ Adobe เช่น

    • Capture CC เป็นแอพที่เอาไว้สร้างลวดลายจากสิ่งใกล้ตัว เช่น หยิบดอกไม้มาสักดอกแล้วหยิบลวดลายที่ Adobe มีให้มาผสมเข้าด้วยกัน ก็จะได้ลวดลายใหม่เฉพาะของเราเอง แอพลักษณะนี้จะเหมาะกับอุปกรณ์พกพามาก เพราะเห็นสิ่งที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจก็สามารถหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายได้ทันที
    • Photoshop Fix เพื่อการแก้ภาพเล็กๆ น้อยๆ เช่น รีทัช, ปรับแต่งหน้าตา, ปรับแต่งความสว่างของภาพ
    • Photoshop Sketch สำหรับการวาดภาพ มีเครื่องมือเพื่อทำให้การวาดภาพคล้ายของจริงอย่างดินสอ, ปากกา, สีน้ำ ฯลฯ โดยจะรองรับดินสอและปากกาจากหลายเจ้า
    • Comp CC สำหรับร่างเพื่อสร้างเฟรมและกำหนด layout ได้อย่างรวดเร็ว



    Desktop Apps


    แม้ว่า Adobe จะยังเดินหน้าพัฒนา Touch Apps ต่อไป แต่แอพบนคอมพิวเตอร์ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานสร้างสรรค์ เพราะงานบางอย่างต้องการประสิทธิภาพบนคอมพิวเตอร์ที่ยังแทนด้วยแท็บเล็ตไม่ได้ในเวลานี้

    เดิมแอพของ Adobe บนคอมพิวเตอร์จะเน้นงานที่สร้างและจบบนเครื่องเดียว แต่ตอนนี้ Adobe จะผลักดันให้นำอุปกรณ์พกพาเข้ามาช่วยเพื่อทำให้งานสร้างสรรค์มีความหลากหลายกว่าเดิม โดยมี CreativeSync เป็นตัวกลางเพื่อประสานงานเข้าด้วยกัน

    Assets


    โซลูชั่นในการทำงานของ Adobe ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์หรือการซิงค์ไปมาเท่านั้น แต่ Adobe ได้เปิดขาย Assets ที่จำเป็นต่องานสร้างสรรค์ เช่น ภาพ stock ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพพรีวิวแบบติดลายน้ำมาทดสอบวางลงในแอพก่อน เมื่อโอเคแล้วก็สามารถกดซื้อเพื่อให้ได้ภาพขนาดเต็มมาวางแทนที่ได้ทันที ซึ่งการที่ Adobe มาเปิด stock เองจะสะดวกกว่าที่ผู้ใช้จะต้องไปหาภาพตัวอย่างมาวางเอง และถ้าถูกใจก็ต้องไปหาอีกรอบเพื่อให้ได้ภาพขนาดเต็มมาวาง (ซึ่งก็ไม่รู้จะได้ภาพเดิมหรือเปล่า)

    [​IMG]

    Creative Cloud สู่การทำงานสร้างสรรค์ยุคใหม่


    ด้วยความสามารถของ Creative Cloud ทำให้งานสร้างสรรค์ยุคใหม่ทำได้หลากหลายขึ้น ผู้สร้างสรรค์ผลงานไม่จำเป็นต้องจบงานทุกอย่างบนคอมพิวเตอร์เหมือนเดิมอีกต่อไป งานสามารถเอาออกไปทำได้ทุกที่ เห็นไอเดียอะไรเจ๋งๆ ก็สามารถหยิบขึ้นมาวาดได้ เห็นภาพไหนสวยใน stock ก็หยิบมาวางก่อน แล้วจะไปทำต่อในคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บรายละเอียดส่วนที่ยากขึ้นจะเป็นเรื่องง่าย เพราะทุกอย่างเชื่อมต่อกันเพียงกดไม่กี่คลิก



    สรุป


    แท็บเล็ตปัจจุบันถือว่ามาไกลกว่า 5 ปีที่แล้วมาก ทั้งประสิทธิภาพ วิธีป้อนข้อมูล ทำให้ Adobe มองเห็นภาพการทำงานในยุคปัจจุบันที่ไม่ได้จำกัดอยู่บนคอมพิวเตอร์ โดยความหลากหลายของอุปกรณ์จะทำให้งานสร้างสรรค์หลากหลายขึ้น และ Adobe จะเป็นผู้เชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นเข้าด้วยกัน รวมถึงมีบริการที่ช่วยให้การทำงานสร้างสรรค์เป็นไปได้ง่ายขึ้น

    ซึ่ง Adobe ก็พร้อมแล้วกับการบุกตลาดแท็บเล็ตเพื่อการทำงานสร้างสรรค์ ด้วย CreativeSync จะทำให้การโยกย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ทำได้ง่ายขึ้น การหา Asset สำหรับการทำงานก็ง่ายขึ้น ข้อจำกัดในการเชื่อมต่อจึงน้อยลง และทำให้งานสร้างสรรค์ยุคใหม่เกิดขึ้นได้ทุกที่ที่มีไอเดีย

    ขอบคุณข้อมูลจาก StudioDaily, Adobe

    Adobe, Creative Cloud
     

แบ่งปันหน้านี้