Injong Rhee ผู้บริหารของซัมซุงที่ดูแล Samsung Pay ให้สัมภาษณ์กับ ZDNet มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ คู่แข่งของ Samsung Pay ไม่ใช่ Apple Pay หรือ Android Pay แต่เป็นการแข่งขันกับบัตรเครดิต บัตรของขวัญ บัตรสมาชิกต่างๆ ในแบบดั้งเดิม Samsung Pay ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาหลีใต้ มีผู้ใช้ 1 ล้านราย มูลค่าธุรกรรม 1 แสนล้านวอน (88 ล้านดอลลาร์) แต่ในอเมริกา สภาพตลาดต่างออกไป มีคู่แข่งหลายราย ซึ่งซัมซุงพยายามชูจุดขายเรื่องการใช้งานกับเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก (Magnetic Secure Transmission หรือ MST) ที่คู่แข่งไม่มี ในเร็วๆ นี้ แอพ Samsung Pay จะรองรับบัตรของขวัญ บัตรเครดิต และการซื้อสินค้าภายในแอพ เพื่อตอบรับเทศกาลจับจ่ายช่วงปลายปี จากนั้น Samsung Pay จะขยายไปยังมือถือระดับกลาง-ล่างของซัมซุง จากปัจจุบันที่ใช้ได้เฉพาะรุ่นท็อปๆ เท่านั้น ซัมซุงพบว่าในเกาหลีใต้ ยอดขายมือถือที่รองรับ Samsung Pay กลับมาเพิ่มสูงขึ้น ฝ่ายขายของซัมซุงเริ่มเห็นประโยชน์ และเป็นฝ่ายเรียกร้องให้บริษัทแม่รีบพัฒนาให้ใช้งานกับมือถือหลากรุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม Samsung Gear S2 ไม่รองรับ Samsung Pay เพราะมีแค่ NFC แต่ไม่รองรับ MST ด้วยข้อจำกัดเรื่องการออกแบบและต้นทุน (การใส่ MST จะทำให้เครื่องหนาขึ้น) แต่ซัมซุงจะปรับปรุงในอุปกรณ์สวมใส่ได้รุ่นถัดไป ความสำเร็จของ Samsung Pay เกิดจากการซื้อบริษัท LoopPay ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี MST ทีมงานที่เป็นผู้ผลักดินการซื้อกิจการคือศูนย์วิจัย Global Innovation Center (GIC) ที่อยู่ในซานฟรานซิสโก คิดแบบสตาร์ตอัพฝรั่ง และอยู่เบื้องหลังการซื้อ SmartThings, Boxee รวมถึงการพัฒนา Gear VR ร่วมกับ Oculus ด้วย ที่มา - ZDNet Samsung Pay, Samsung, Mobile Payment