รีวิว Surface Go: คอมพิวเตอร์ที่เหมาะกับการพกพามากที่สุด

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 8 กันยายน 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ไมโครซอฟท์เปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเลตรุ่นใหม่ของไลน์ Surface ในชื่อ Surface Go มีหน้าจอขนาด 10 นิ้ว ซีพียู Intel Pentium Gold 4415Y จัดเป็นสเปกต่ำสุดในผลิตภัณฑ์ Surface ทั้งหมดที่มีขายอยู่ปัจจุบัน โดยประเทศไทยถือเป็นกลุ่มแรกๆ ในโลกที่เปิดให้สั่งจอง ซึ่งผมก็ได้จองกับเขาด้วย และขณะนี้ได้ลองใช้มาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว จึงเขียนรีวิวชิ้นนี้ออกมาครับ

    [​IMG]

    Surface Go มีให้เลือก 2 รุ่น คือความจุ 64GB แบบ eMMC แรม 4GB และรุ่นความจุ 128GB แบบ SSD แรม 8GB โดยผมได้สั่งรุ่น 128GB มานะครับ เนื่องจากความจุสูงกว่าและที่สำคัญคือเป็น SSD ก็จะทำงานเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    เปิดกล่องออกมาก็เจอ Surface Go วางอยู่เลย ของอย่างอื่นในกล่องมีเพียงอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ และเอกสารเท่านั้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้านขวามือของเครื่องเป็นที่อยู่ของพอร์ตต่างๆ ไล่จากบนลงล่างคือ แจ็คหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB-C 3.1 ที่รองรับการชาร์จด้วยมาตรฐาน USB Power Delivery และพอร์ต Surface Connect

    [​IMG]

    ขอบบนของเครื่องมีปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง

    [​IMG]

    ขอบล่างของเครื่องก็แน่นอนว่าเป็นที่ต่อคีย์บอร์ด Type Cover

    [​IMG]

    ด้านหลังเครื่องมีขาตั้งที่บานพับเปิดได้ทุกองศาตามใจชอบเหมือน Surface Pro ไม่ได้มีระดับเดียวเหมือนสมัย Surface 3 ที่จัดเป็นเครื่อง entry-level เหมือนกัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อกางขาตั้งออก ก็จะเจอช่องเสียบ microSD อยู่ด้านใน

    [​IMG]

    ด้านหน้าของเครื่องมีกล้องหน้า, ไมโครโฟน, ไฟ LED สีขาวติดเวลากล้องถูกใช้งานอยู่ และกล้อง Windows Hello สำหรับการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้า ที่จะมีแสงสีแดงออกมาเวลากำลังสแกน

    [​IMG]

    ขอบซ้ายและขวาของหน้าจอเป็นตำแหน่งของลำโพงสเตอริโอ

    [​IMG]

    ต่อมาเป็นส่วนของคีย์บอร์ด โดยผมได้สั่งคีย์บอร์ด Type Cover รุ่น Signature มา สี Cobalt Blue ซึ่งให้ความพรีเมียมตรงที่หุ้มด้วยผ้า Alcantara แบบที่รถยนต์หรูใช้กัน ต้องบอกว่าให้สัมผัสที่เนียนมือมาก ซึ่งขายแพงกว่ารุ่นธรรมดาสีดำอยู่ประมาณ 1,000 บาท

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับสัมผัสการพิมพ์ รู้สึกว่า travel distance หรือความลึกของปุ่มเวลากดลงไปนั้นสั้นมาก ประมาณ 1 มม. เห็นจะได้ และส่วนตัวผมต้องปรับตัวอยู่ประมาณ 1-2 วันก่อนจะพิมพ์ได้ถนัด เพราะคีย์บอร์ดค่อนข้างเล็ก เรียกว่าแรกๆ นี่พิมพ์ผิดกระจาย (โน้ตบุ๊กที่ผมใช้ทุกวันคือ Lenovo ThinkPad X260)

    [​IMG]

    โดยรวมถือว่าคีย์บอร์ดทำได้ดี รู้สึกแน่น (firm) เวลาพิมพ์เร็วๆ และมีไฟใต้ปุ่มให้ 3 ระดับ (ปิด-สว่างน้อย-สว่างมาก) และความดีงามอีกข้อคือกดปุ่ม Home, End, Page Up และ Page Down ได้เลย ไม่ต้องกด Fn คู่กันแบบโน้ตบุ๊กยี่ห้ออื่นจำนวนมาก

    ส่วนทัชแพดจัดว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดของ Type Cover ใช้งานได้สะดวกไม่รู้สึกว่าเล็กไป และแน่นอนว่าเป็น Precision Touchpad ด้วย คือเป็นทัชแพดที่ให้ความแม่นยำสูง เลื่อนนิ้วเพียงนิดเดียวก็ทำงานแล้ว

    [​IMG]

    เมื่อประกอบร่างกันแล้วก็ลองปรับขาตั้งดู

    อันนี้ลองปรับให้จอตั้งขึ้น เหมือนเวลาขี้เกียจๆ แล้วชอบนั่งไกลๆ ไหลๆ ก็ต้องดึงจอให้ตั้งหน่อย

    [​IMG]

    ต่อมาเป็นระดับปกติ คือนั่งหลังตรงต้องให้จอเอนลง

    [​IMG]

    และอันสุดท้ายคือกดราบลงสุด ใช้เวลาวาดรูปหรือจดโน้ต

    [​IMG]

    การใช้งาน


    Surface Go มาพร้อม Windows 10 Home แบบ S Mode กล่าวคือเป็น Windows 10 หน้าตาปกติที่เราใช้กันเป๊ะๆ มี desktop ตามปกติ แต่ถูกจำกัดให้รันได้เฉพาะแอพจาก Microsoft Store เท่านั้น ไม่สามารถรันไฟล์ .exe ได้ โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าเพื่อให้เครื่องทำงานได้เร็วอยู่เสมอ และ (ควรจะ) ปลอดภัยจากไวรัสเพราะรันไฟล์จากภายนอกไม่ได้

    [​IMG]

    หน้าต่างนี้จะขึ้นมาเวลาเราคลิกเปิดไฟล์ .exe

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทุกคนสามารถออกจาก S Mode ได้ทุกเมื่อแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทำให้รันไฟล์ .exe และติดตั้งโปรแกรมภายนอก Store ได้ทันที ซึ่งขั้นตอนการออกจาก S Mode ก็ง่ายมาก เพียงแค่เข้า Microsoft Store และพิมพ์ในช่องค้นหาว่า "switch out of s mode" ก็จะเจอปุ่มให้กด ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็เสร็จสิ้น ไม่ต้องรีบูทเครื่องด้วยซ้ำ

    [​IMG]

    ทั้งนี้ การออกจาก S Mode เป็นการกระทำที่ถาวร คือเมื่อออกไปแล้วจะเปิด S Mode กลับมาอีกไม่ได้ แม้แต่การ reset เครื่องก็ไม่ทำให้ S Mode กลับมา โดยผมได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ Support ของไมโครซอฟท์แล้ว ทราบมาว่าต้องติดตั้ง Windows ใหม่จาก image เลยจึงจะใช้ S Mode ได้อีก

    แต่ไหนๆ แล้วผมเลยตัดสินใจลองใช้ Surface Go "แบบเดิมๆ" ดูก่อน ว่าการใช้งานบน S Mode มันดีหรือแย่อย่างไร สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้หรือไม่

    หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดคือ "เบราว์เซอร์" เมื่อเราใช้โปรแกรมอื่นนอก Store ไม่ได้ จึงถูกบังคับให้ใช้ Microsoft Edge ไปโดยปริยาย ซึ่งพอได้ทดลองใช้มันแบบเต็มๆ ก็พบว่าไม่ได้แย่มาก เข้าเว็บได้รวดเร็วอย่างที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือเราไม่สามารถเปลี่ยน search engine เป็นกูเกิลได้นะครับ บังคับใช้ Bing อย่างเดียว อันนี้ผมว่าบังคับกันมากเกินไป เพราะการใช้กูเกิลไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการรันโปรแกรมภายนอกแต่อย่างใด ต้องหวังให้กูเกิลนำ Chrome เข้าสู่ Store ซึ่งก็ไม่น่าเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

    [​IMG]

    ส่วน Office 365 ก็มีให้ซื้อบน Microsoft Store ได้ทันที หรือใครซื้อไว้แล้วก็ล็อกอินและติดตั้งได้ตามปกติ แต่ใครที่ไม่อยากเสียเงินซื้อก็สามารถโหลด Office เวอร์ชันใช้ฟรีได้เช่นกัน เพราะไมโครซอฟท์จัดว่าอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่า 10.1 นิ้วถือเป็นอุปกรณ์ที่คนทั่วไปใช้กัน ไม่ใช่ผู้ใช้ระดับโปร จึงให้สิทธิ์ดาวน์โหลด Office ไปใช้ได้ฟรี เฉกเช่นเดียวกับ Office for Android หรือ Office for iOS นั่นเอง เพียงแต่ฟีเจอร์จะน้อยกว่า

    [​IMG]

    เรื่องถัดมาจัดเป็นไฮไลต์ของอุปกรณ์ Surface ก็ว่าได้ นั่นคือปากกา แต่ต้องออกตัวก่อนว่าปากกาที่ผมใช้ขณะรีวิวนี้เป็นปากกาตั้งแต่สมัย Surface 3 เลย ซึ่งถือเป็นรุ่นเก่านะครับ โดยหลังจากปากการุ่นนี้ ไมโครซอฟท์ได้ออกปากกามาแล้ว 2 รุ่น คือรุ่นในยุค Surface Pro 4 และรุ่นปัจจุบัน

    เมื่อลองเขียนเป็นครั้งแรกผมพบว่าต้องกดปากกาแรงกว่าการเขียนบน Surface 3 อยู่พอสมควร เรียกว่าหากเขียนด้วยน้ำหนักปกติเส้นจะขาด หรือเป็นจุด ต้องบังคับตัวเองให้กดแรงขึ้นถึงจะเขียนได้ ทำให้เป็นปัญหามากเวลาวาดรูปเพราะน้ำหนักเส้นจะไม่ได้ แต่หากกดแล้วจะสามารถเขียนได้ไหลลื่น เส้นตามหัวปากกาได้ดี

    [​IMG]ภาพตัวหนังสือจากการเขียนด้วยปากกาของ Surface 3 สังเกตว่าเส้นขาดเป็นช่วงๆ หรือกลายเป็นจุด

    สรุปว่าหากใครใช้ Surface 3 อยู่แล้วอยากอัพเกรดมาใช้ Surface Go และหวังว่าจะประหยัดเงินโดยการใช้ปากกาเดิม ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะแม้จะเขียนได้ แต่กลับใช้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้ครับ

    ต่อมาผมมีโอกาสไปเดินห้าง และนำ Surface Go ติดไปด้วย เลยถือโอกาสขอร้านลองปากการุ่นปัจจุบัน พบว่าดีกว่าเดิมมาก เขียนเบาๆ ก็ติดแล้ว ถือว่าทำมาเพื่อกันและกันอย่างแท้จริง น้ำหนักการเขียนทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งหัวปากกาก็มีความฝืดกว่าปากกาของ Surface 3 ทำให้รู้สึกมีแรงเสียดทานขณะเขียนเหมือนปากกาจริงๆ (เวลาใช้ปากกา Surface 3 คือลื่นไปเลย)

    นอกจากนี้ปากการุ่นปัจจุบันยังรองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับ (ปากการุ่นเก่ารับได้ 1,024 ระดับ) และรองรับการเอียงปากกาเพื่อแรเงาด้วยครับ

    [​IMG]

    [​IMG]ตัวอย่างรูปที่วาดด้วยปากกา Surface Pen รุ่นปัจจุบัน สังเกตการแรเงาและน้ำหนักเส้น ตัวหนังสือด้านซ้ายในรูปที่ 2 ที่เส้นหนาๆ เกิดจากการเอียงปากกา

    สรุปการใช้งาน Surface Go แบบ S Mode คือสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง มีแอพใน Store ครบ เช่น LINE, Facebook, Facebook Messenger, Instagram, Netflix, Spotify, Slack, iTunes, WhatsApp, Skype ฯลฯ คือถ้าไม่มีความต้องการใช้โปรแกรมเฉพาะทางจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องออกจาก S Mode ก็ได้

    ส่วนแอพวาดเขียนก็มีให้เลือกใน Store มากมาย เช่น Autodesk SketchBook, Evernote, Fresh Paint, Sketchable และ Microsoft Whiteboard

    [​IMG]

    ตัวอย่างรูปที่ผมระบายสี จากแอพ Zen: Coloring book for adults

    ส่วนตัวผมคิดว่าบังคับใช้ Microsoft Edge ยังไม่เท่าไหร่ แต่บังคับใช้ Bing ด้วยนี่ถือว่าแย่มากๆ

    ต่อมาผมจึงกดออกจาก S Mode เข้าสู่การใช้งานแบบปกติ ได้ลองวัดความเร็ว SSD มาให้ดูกันครับ โดยไมโครซอฟท์เลือกใช้ SSD จากโตชิบา รุ่น KBG30ZPZ128G โดยมองเห็นจริง 117GB และหลังเปิดเครื่องมาเหลือให้ใช้ 96GB

    [​IMG]

    แม้คะแนนจะน้อย แต่การใช้งานโดยรวมลื่นไหลนะครับ เปิดโปรแกรมต่างๆ ได้เร็ว เครื่องรีบูทเร็ว ตื่นเร็ว ไม่ค่อยมีอาการกระตุกให้เห็น

    ส่วนการเล่นเกม ผมไม่ได้ลองติดตั้งเกมจาก Steam มาทดลองนะครับ (คือไม่น่าเล่นเกมส่วนใหญ่ได้) แต่ได้โหลดเกม Asphalt 9 มาลองเล่น ก็ไหลลื่นดีไม่มีปัญหาอะไร

    [​IMG]

    ด้านแบตเตอรี่ เมื่อชาร์จเต็ม ใช้งานเบราว์เซอร์ทั่วไป อ่านนู่นนี่ เปิดประมาณ 10 แท็บ ดูยูทูบ พร้อมเปิดแอพ Spotify และ OneNote ค้างไว้ แบตอยู่ได้ราว 5 ชั่วโมง และดูจาก Battery Report ก็เป็นตามที่รู้สึกครับ คือถ้าไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องตลอดเวลาก็ควรอยู่ได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็น (ดาวน์โหลด Battery Report ได้ที่นี่ แล้วเปิดด้วยเบราว์เซอร์นะครับ)

    [​IMG]

    ความดีงามของ Surface Go คือมีพอร์ต USB-C เสียที ซึ่งมีแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะรองรับทุกอย่างตั้งแต่การถ่ายโอนไฟล์, ต่อจอนอก รวมไปถึงการชาร์จไฟด้วยมาตรฐาน USB Power Delivery ด้วย

    ผมใช้อะแดปเตอร์ยี่ห้อ Tronsmart รุ่น U5P ซึ่งรองรับมาตรฐาน USB PD จ่ายไฟได้สูงสุด 30 วัตต์ ร่วมกับสาย USB-C ของ Google Pixel ชาร์จไฟเข้า Surface Go ตั้งแต่แบตเหลือ 8% จนถึง 98% ได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยเป็นการชาร์จผ่าน USB-C Hub ของ Ugreen อีกที พร้อมต่ออุปกรณ์อื่นคือตัวอ่านการ์ด microSD, เมาส์ไร้สาย, คีย์บอร์ด และสาย HDMI ไปออกจอใหญ่ด้วย (จริงๆ มีสาย USB-C ยาว 2 เมตรของแอปเปิลอยู่ด้วย แต่ดันไม่ได้เอามาใช้ ซึ่งอาจจะชาร์จเร็วกว่านี้)

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตลอดการใช้งาน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมชาร์จเครื่องด้วยพอร์ต USB-C ตลอด เอาอะแดปเตอร์ขนาด 24 วัตต์ที่มากับเครื่องมาใช้แค่ 1 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากพยายามปรับให้อุปกรณ์รอบตัวรองรับ USB PD มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว เพื่อจะได้ชาร์จ Google Pixel 2 ที่ใช้อยู่ได้อย่างสะดวก

    นอกจากนี้ผมยังทดลองใช้ power bank ยี่ห้อ Aukey รุ่น PB-Y7 ที่รองรับ USB PD 30 วัตต์เช่นกัน ก็ชาร์จ Surface Go จนเต็มได้ภายใน 2 ชั่วโมง

    อย่างไรก็ตาม หลังชาร์จไฟด้วยพอร์ต USB-C จนเต็ม 100% ขณะใช้งานผ่าน USB-C Hub ที่ต่อจอด้วยสาย HDMI ผมพบว่าหน้าจอดับไป และไม่ติดขึ้นมา ต้องกาง Type Cover ออกเพื่อให้จอของ Surface ติด และพับเก็บไปอีกครั้ง จึงจะกลับมาใช้งานต่อได้

    สุดท้ายผมได้ทดลองชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ของ Google Pixel ด้วย ซึ่งก็ชาร์จเข้านะครับ แต่ค่อนข้างช้า โดยเครื่องประเมินไป 2 ชั่วโมงกว่า คิดว่าถ้าใช้งานหนักๆ และต่อ Hub ไปด้วยอาจจะชาร์จไม่เข้าเลย

    [​IMG]

    หลังสลับออกจาก S Mode แล้วผมยังได้ทดลองใช้งาน Visual Studio 2017 ลองคอมไพล์โค้ดตัวเองที่เป็น ASP.NET ก็ไม่ได้รู้สึกว่าช้าจนใช้ไม่ได้นะครับ คือใช้แก้โค้ดเร็วๆ หรือเป็นเครื่องสำรองที่เอาไว้ทำงานนอกสถานที่นี่ได้แน่นอนครับ ผมว่าข้อจำกัดที่จะทำให้เขียนโค้ดลำบากคือหน้าจอที่เล็ก มากกว่าจะเป็นซีพียูรุ่นต่ำ แต่สำหรับนักพัฒนาสายโมบายล์ที่ต้องรัน emulator นี่ผมว่าไม่ไหวครับ

    Surface Go ไม่มีพัดลมนะครับ ระหว่างการใช้งานทั่วไปในบ้านไม่ติดแอร์ ผมเอาปืนวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดยิงบริเวณใต้กล้องหลัง วัดได้ประมาณ 40 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นบริเวณที่ร้อนที่สุดในเครื่อง ส่วนเวลาชาร์จจะอยู่ที่ราว 43 องศาเซลเซียสครับ คือค่อนข้างร้อนเหมือนกัน

    สรุป


    Surface Go ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่ทำผลงานได้น่าประทับใจ การใช้งานโดยรวมไม่ช้าเหมือนที่กลัวตอนเห็นสเปก แถมยังเบาและพกพาง่าย (ผู้หญิงน่าจะชอบ) คีย์บอร์ดทำมาได้ดี ทัชแพดมีขนาดใหญ่

    หากมีโน้ตบุ๊กหรือ desktop เครื่องหลักอยู่แล้ว อาจซื้อ Surface Go มาใช้เสริมเช่นหยิบไปเข้าประชุม, จดโน้ตระหว่างการประชุม หรือแม้แต่พนักงานขายที่ต้องไปพบลูกค้าก็น่าจะใช้ประโยชน์จาก Surface Go ได้มากเช่นกัน

    นักเรียน, นักศึกษาก็ถือว่าเหมาะมากกับการใช้ Surface Go โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ที่ต้องมีการจดบันทึกและวาดรูปเยอะๆ ที่ผมเห็นคือเอา iPad / iPad Pro ไปเรียน และใช้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องในการทำงาน หากใช้เครื่องเดียวไปเลยก็สามารถดึงโน้ตต่างๆ มาทำงานได้สะดวกขึ้น และปากกาของ Surface ยังดีกว่า Apple Pencil ตรงที่กลับปากกาเอาปลายมาเป็นยางลบได้ด้วย รวมถึงหากพื้นที่เก็บข้อมูลไม่พอ ก็ซื้อการ์ด microSD มาใส่เพิ่มได้สูงสุด 512GB อีกด้วย

    [​IMG]

    ข้อดี

    • เล็ก เบา พกสะดวก
    • มีพอร์ต USB-C รองรับการชาร์จมาตรฐาน USB Power Delivery
    • ใช้งานทั่วไปได้เร็ว ไม่มีอาการกระตุกหรือช้า
    • Windows Hello ปลดล็อกด้วยการสแกนหน้า สะดวกมาก
    • คีย์บอร์ดดี แน่น
    • ปากกาดีมาก
    ข้อเสีย

    • ไม่มีพอร์ต USB ขนาดเต็มให้เลย
    • S Mode บังคับใช้ Bing เป็น search engine เปลี่ยนไม่ได้
    • สำหรับคนอัพเกรดจาก Surface 3 ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ทั้งชุด
    • อุปกรณ์เสริมราคาแพงไปมาก

    [​IMG]

    Topics: Surface GoMicrosoft SurfaceReview
     

แบ่งปันหน้านี้