พบแล้ว!! ซากเรือมหาสมบัติ 17 พันล้านเหรียญ ผลงานการค้นหาโดยหุ่นยนต์ REMUS 6000

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 31 พฤษภาคม 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ณ ที่แห่งหนึ่งนอกชายฝั่งเมือง Cartagena ประเทศโคลัมเบีย ทีมนักวิจัยและสำรวจจาก WHOI สถาบันวิจัยและศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเกี่ยวกับโลกใต้น้ำ ได้ส่งหุ่นยนต์สำรวจ REMUS 6000 ดำดิ่งลงน้ำลึกกว่า 500 เมตร เพื่อสำรวจพื้นที่ซึ่งคาดว่าเป็นสุสานของเรือสมบัติในตำนาน

    ด้วยระบบการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ REMUS 6000 แหวกว่ายท้องน้ำตรวจสอบพื้นที่จนกระทั่งมันเจอบางอย่างที่ทีมวิจัยค้นหากันมานาน ภาพที่ REMUS 6000 บันทึกได้ถูกส่งขึ้นมายังหน้าจอของคอมพิวเตอร์ผู้ควบคุมปฏิบัติการ เผยให้เห็นภาพเศษชิ้นส่วนซากเรือสมบัติในตำนาน วินาทีนั้นทีมวิจัยและสำรวจรู้ตัวในทันทีว่าภารกิจค้นหาขุมทรัพย์มูลค่า 17 พันล้านดอลลาร์ที่เฝ้าเพียรตามหากันมานานแรมปีได้ลุล่วงแล้ว

    [​IMG]

    ย้อนไปสู่ห้วงเวลาท่ามกลางยุคสมัยแห่งการท่องโลกกว้างในคริสตศตวรรษที่ 18 จักรวรรดิสเปนคือหนึ่งในจักรวรรดิมหาอำนาจที่แต่งกองเรือออกสำรวจน่านน้ำไกลข้ามทวีปเสาะแสวงหาแผ่นดินใหม่ บุกเบิกสำรวจดินแดนสร้างอาณานิคมและสั่งสมทรัพย์สมบัติมากมาย ข้าวของทรัพย์สินที่กองเรืออันเกรียงไกรของจักรวรรดิสเปนหามาครอบครองได้ มากมายเสียจนต้องมีการตั้งกองเรือสมบัติขึ้นเพื่อการเคลื่อนย้ายสมบัติเหล่านั้นกลับสู่สเปนแผ่นดินแม่ และหนึ่งในเรือเหล่านั้นคือเรือสมบัตินามว่า San Jose

    San Jose ถูกสร้างขึ้นในปี 1698 และถูกนำมาใช้เคลื่อนย้ายสมบัติในทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 1708 ในระหว่างภารกิจการขนย้ายสมบัติจากปานามาสู่โคลัมเบีย กองเรือสมบัติที่มี San Jose เป็นเรือธงก็ถูกโจมตีโดยกองเรือของราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ แม้กัปตันและลูกเรือของ San Jose จะเชี่ยวชาญการรบและเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของข้าศึกด้วยปืนใหญ่ 62 กระบอก แวดล้อมด้วยเรือรบอีก 2 ลำ ทว่าในระหว่างการต่อสู้ ห้องเก็บดืนปืนเกิดระเบิดขึ้น San Jose จึงจมลงสู่ก้นมหาสมุทรพร้อมกับ 600 ชีวิตที่อยู่บนเรือในคืนนั้น รวมทั้งเงิน, ทองคำ, มรกต และอัญมนีอีกมากมายเต็มลำเรือ

    [​IMG]

    ณ ที่แห่งหนึ่งกลางเวิ้งน้ำแห่งทะเลแคริบเบียน San Jose ได้หลับใหลสงบนิ่งหลังการปะทะที่ถูกเรียกว่า "Wager's Action" บันทึกประวัติศาสตร์คือสิ่งเดียวที่ทำให้โลกยังจดจำและรู้จักเรือสมบัติเหล่านี้ ทว่าไม่มีใครเคยค้นพบซากเรือสมบัติของจักรวรรดิสเปนลำนี้ การประเมินมูลค่าข้าวของสิ่งต่างๆ บนเรือถูกตีเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์ นั่นทำให้ San Jose ถูกขนานนามว่า "จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งซากเรือ" จนกระทั่งเวลาผ่านมานานเกินกว่า 300 ปี ในปี 2015 ทีมวิจัยของ WHOI ร่วมกับนักวิจัยนานาชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลโคลัมเบีย สามารถระบุพื้นที่โดยสังเขปของ San Jose ได้ โดยยืนยันจากภาพถ่ายใต้น้ำของปืนใหญ่สัมฤทธิ์

    [​IMG]

    มาในปี 2018 นี้ ทีมวิจัยและสำรวจของ WHOI กลับมาปฏิบัติภารกิจกลางทะเลแคริบเบียนอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาใช้หุ่นยนต์ดำน้ำอัตโนมัติ REMUS 6000 มาทำหน้าที่สำรวจพื้นที่โดยละเอียดเพื่อค้นหาซากเรือและข้าวของทั้งหมด จนกระทั่งนำมาสู่ข่าวความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

    ความตื่นตากับเรื่องเล่าประวัติศาสตร์และมูลค่าของสมบัติคือสิ่งที่ผู้คนต่างสนใจใคร่รู้กับเหตุการณ์การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์นี้ แต่ในอีกด้านหนึ่งนี่คือข่าวความสำเร็จที่ได้มาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหุ่นยนต์

    300 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครพบเจอ San Jose แต่ทำไม REMUS 6000 จึงหาเจอ?

    REMUS 6000 เปรียบเสมือนโดรนอัจฉริยะ หากแต่โลกของมันไม่ใช่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ทว่าเป็นโลกใต้น้ำที่ล้ำลึก ลึกลงไปในมหาสมุทร ที่ซึ่งการสื่อสารเพื่อควบคุมยานยนต์ด้วยสัญญาณคลื่นวิทยุหรือการระบุตำแหน่งด้วย GPS นั้นไม่อาจทำได้เพราะมวลน้ำมหาศาลคืออุปสรรคใหญ่ที่สกัดกั้นสัญญาณวิทยุไว้ ด้วยเหตุนี้งานสำรวจใต้ท้องทะเลจึงเป็นสถานการณ์ที่ผลักดันให้เกิดงานพัฒนา UUV (Unmanned Underwater Vehicle) หรือยานดำน้ำไร้คนขับขึ้น โดยมีการสร้างระบบเซ็นเซอร์และระบบควบคุมการเคลื่อนที่อัตโนมัติที่ออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนที่ใต้น้ำขึ้นโดยเฉพาะ

    [​IMG]

    ตัว REMUS 6000 เองเป็น UUV ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถปฏิบัติภารกิจใต้น้ำได้ลึกถึง 6,000 เมตร โครงสร้างภายนอกทำจากโฟมที่มีความเหนียวเป็นพิเศษทนแรงดันน้ำมหาศาลได้ ระบบขับเคลื่อน, หน่วยควบคุม รวมทั้งระบบสื่อสารและเซ็นเซอร์ต่างๆ อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 12 kWh มันสามารถส่งข้อมูลสู่ผู้ควบคุมที่อยู่บนเรือเหนือผิวน้ำได้ผ่านทางคลื่นเสียงที่จะส่งเป็นพัลส์ (เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย คล้ายกับการส่งสัญญาณรหัสมอร์สด้วยคลื่นเสียง)

    [​IMG]

    แม้ REMUS 6000 จะสามารถสื่อสารกับผู้ควบคุมที่อยู่ผิวน้ำห่างจากมันหลายพันเมตรได้ผ่านทางสัญญาณเสียง แต่นั่นไม่ใช่การสื่อสารที่ดีเพียงพอที่ผู้ควบคุมจะใช้เป็นช่องทางในการบังคับการเคลื่อนของ REMUS 6000 ให้เคลื่อนที่ใต้น้ำไปยังจุดที่ต้องการโดยหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ ดังนั้นจึงมีการพัฒนาระบบควบคุมการเคลื่อนอัตโนมัติขึ้นมาโดยเฉพาะ ตัวหุ่นมีเซ็นเซอร์ที่รับรู้ถึงแรงกระทำของกระแสน้ำใต้ทะเล ทั้งทิศทางและอัตราเร็ว ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างแรงขับของยานที่จะออกแรงต้านกระแสน้ำช่วยให้มันคงตำแหน่งอยู่กับที่ได้ เส้นทางการเคลื่อนที่มันถูกโปรแกรมด้วยคอมพิวเตอร์ไว้ล่วงหน้า โดยมีระบบโซนาร์ตรวจหาสิ่งกีดขวางใต้น้ำเพื่อให้ตัว REMUS 6000 เองสามารถเคลื่อนที่หลบหลีกสิ่งกีดขวางเหล่านั้นได้ และทำการถ่ายภาพเก็บข้อมูลสำรวจพื้นที่ได้ตามตำแหน่งที่ถูกโปรแกรมไว้

    แม้ REMUS 6000 จะดูเป็นหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนในการใช้งาน แต่ทั้งหมดสามารถทำได้จากคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทีมวิจัยและสำรวจใต้ทะเลอย่างทีมของ WHOI ที่ต้องการความสะดวกในการเคลื่อนย้ายหุ่นเพื่อการทำงานในจุดต่างๆ

    ข่าวนี้ให้แง่คิดที่น่าสนใจว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่เพียงนำพามนุษย์เราก้าวเดินไปสู่อนาคต แต่มันยังพาเรากลับไปค้นพบกับประวัติศาสตร์โลกเรา ให้เราได้ค้นพบได้เห็นอะไรใหม่ๆ ที่หลบซ่อนไว้มานานหลายชั่วชีวิตคนได้เช่นกัน

    ที่มา - Interesting Engineering, ArtNet News

    Topics: RobotResearch
     

แบ่งปันหน้านี้