นอกจาก iPhone 8 และ 8 Plus แอปเปิลยังเปิดตัว iPhone X (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) ตามความคาดหมาย iPhone X ใช้ดีไซน์ตรงกับข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ หน้าจอเกือบ OLED ไร้ขอบ มีแหว่งด้านบน ตัดปุ่มโฮมออก เปลี่ยนมาใช้กล้องหน้า True-Depth สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคแทน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ iPhone X ใช้ดีไซน์กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบเดียวกับ iPhone 8 แต่เน้นความโค้งมนมากกว่า ตัวกระจกจะเรียบเนียนต่อไปกับขอบด้านข้าง หน้าจอ OLED ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม ของใหม่ที่สำคัญของ iPhone X คือจอภาพ Super Retina Display ขนาด 5.8" 2436x1125 (458 ppi มากที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone) ใช้ดีไซน์แบบไร้ขอบ ตัวจอภาพเป็น OLED ที่มีอัตราคอนทราสต์สูง และแก้จุดอ่อนของ OLED เรื่องความสว่างและความแม่นยำของสีไปแล้ว ตัวจอรองรับการแสดงผล HDR ทั้งมาตรฐาน Dolby Vision และ HDR10, รองรับการสัมผัสแบบ 3D Touch ในตัว iPhone X ยังตัดปุ่มโฮมออก ใช้วิธีแตะจอเพื่อปลุกแทน และใช้ gesture ต่างๆ สั่งงาน เช่น ปัดขึ้นเพื่อปิดหรือสลับแอพ แอปเปิลยังเพิ่มปุ่มที่ด้านข้างของเครื่องเพื่อใช้เรียก Siri ในลักษณะเดียวกับปุ่ม Bixby ของ Galaxy S8 สแกนใบหน้า Face ID มาแทน Touch ID ส่วนฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ถูกตัดออกไป เปลี่ยนมาใช้การปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า Face ID แทน โดยใช้ระบบกล้องและเซ็นเซอร์ด้านหน้าหลายตัว ทำงานร่วมกันร่วมกับเทคนิค machine learning สร้างโมเดลใบหน้าที่แม่นยำ สำหรับคนที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ข้อมูลใบหน้าจะถูกประมวลผลภายในเครื่องเท่านั้น และเก็บไว้ในชิปพิเศษของแอปเปิลแบบเดียวกับข้อมูลลายนิ้วมือ Touch ID Face ID ยังสามารถใช้แทน Touch ID ในการจ่ายเงิน Apple Pay รวมถึงใช้ล็อกอินกับแอพตัวอื่นๆ ได้ด้วย Animoji อีโมจิที่ขยับตามใบหน้าของเรา ระบบกล้องหน้าของ iPhone X นอกจากใช้สแกนใบหน้าเพื่อล็อกอินแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ Animoji ที่ขยับใบหน้าของ Emoji ตามใบหน้าของเราได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟคต์สติ๊กเกอร์ที่ขยับตามใบหน้า (แบบเดียวกับ Note 8) ด้วยเช่นกัน กล้องคู่ด้านหลัง กล้องหน้า True-Depth iPhone X ใช้กล้องคู่ 12MP ตัวเดียวกับ iPhone 8 Plus (f/1.8 และ f/2.4) แต่วางเรียงในแนวตั้ง กล้องทั้งสองตัวมาพร้อมกับ OIS และมีแฟลช LED True Tone 4 ตัว กล้องมาพร้อมกับฟีเจอร์ Portrait Mode และ Portrait Lighting แบบเดียวกับ iPhone 8 ส่วนกล้องหน้าใช้ประโยชน์จากกล้อง True-Depth เพิ่มโหมด Selfie ที่สมจริง มีฟีเจอร์ Portrait แบบเดียวกับกล้องหลัง ฮาร์ดแวร์เดียวกับ iPhone 8 ใช้สเปกเดียวกับ iPhone 8 โดยเป็นชิป A11 Bionic และจีพียู, หน่วยประมวลผลภาพ (ISP) ที่แอปเปิลออกแบบเอง แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า iPhone 7 อีก 2 ชั่วโมง และรองรับระบบชาร์จไร้สาย Qi เหมือนกับ iPhone 8 ราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์ iPhone X มีให้เลือกสองสีคือ Space Grey และ Silver มีความจุให้เลือก 2 แบบคือ 64GB และ 256GB ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ การเปิดตัว iPhone X ทำให้ปีนี้แอปเปิลมี iPhone วางขายทั้งหมด 5 รุ่น เริ่มตั้งแต่ iPhone SE (ที่ยังขายอยู่!) ราคา 349 ดอลลาร์ ไล่มายัง iPhone 6s, 7, 8 และ X ที่ระดับสูงสุด Topics: iPhone XAppleMobile