ทรัมป์เชิญคณะที่ปรึกษาด้าน IT ร่วมหารือครั้งแรก มี CEO จากหลายองค์กรขนาดใหญ่เข้าร่วมด้วย แต่ Mark Zuckerberg จาก Facebook ไม่ได้เข้าร่วม การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้าร่วมจำนวนมาก Ajay Banga, CEO จาก MasterCard Jeff Bezos, CEO จาก Amazon Zachary Bookman, CEO จาก OpenGov Safra Catz, Co-Chief Executive จาก Oracle Tim Cook, CEO จาก Apple John Doerr, Chairman จาก Kleiner Perkins Pat Gelsinger, CEO จาก VMware Alex Karp, CEO จาก Palantir Brian Krzanich, CEO จาก Intel Tom Leighton, CEO จาก Akamai Bill McDermott, CEO จาก SAP Steven Mollenkopf, CEO จาก Qualcomm Satya Nadella, CEO จาก Microsoft Shantanu Narayen, CEO จาก Adobe Ginni Rometty, CEO จาก IBM Eric Schmidt, Executive Chairman จาก Alphabet Julie Sweet, CEO จาก Accenture Peter Thiel, จาก Founders Fund คลิปวิดีโอขณะหารือระหว่างทรัมป์กับ CEO ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ทรัมป์เปิดการประชุมด้วยการพูดไว้อาลัยให้แก่ Otto Warmbier ที่เพิ่งเสียชีวิตหลังถูกปล่อยตัวจากเกาหลีเหนือ และชี้ว่าเกาหลีเหนือมีระบอบการปกครองที่เลวร้าย และพูดถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ให้การรักษาทหารผ่านศึกทั้งหลาย ทรัมป์ยอมรับว่าเทคโลโนยีในปัจจุบันสำคัญมาก การโจมตีไซเบอร์กำลังสร้างปัญหาอย่างหนักหน่วงให้กับทำเนียบขาว รัฐบาลพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงและทำระบบ IT ให้มีความทันสมัยอย่างมีนัยสำคัญ เรายอมเสียเป็นพันล้านเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขปัญหาเกิดขึ้น รัฐบาลทรัมป์ต้องการจะวิ่งตามการปฏิวัติทางเทคโนโลยีให้ทัน เพื่อช่วยเหลือธุรกิจของชาวอเมริกัน สร้างงานให้มากขึ้น นวัตกรรมที่ทุกท่านในที่นี้สร้างกันมา จะช่วยสร้างงานให้ชาวอเมริกันเป็นล้านๆ ราย อเมริกาควรเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี แนวคิด VISA Program และการยกระดับการป้องกันการถูกโจมตีไซเบอร์ CEO ทั้งหลายและทำเนียบขาวร่วมหารือกันและวางแผนว่า จะให้ทรัมป์ทบทวนเรื่องการให้วีซ่าเพื่อนำบุคลากรผู้ชำนาญการพิเศษสามารถเข้ามาทำงานในประเทศได้อย่างสะดวกตามที่ทรัมป์เคยประกาศว่าจะทบทวนเรื่องดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งประเภทวีซ่าที่พูดถึงกันนี้เป็นประเภท H1-B อาชีพผู้ชำนาญการพิเศษ ทางคณะที่ปรึกษาเห็นว่าจะเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยให้กับระบบ IT ของรัฐบาลมากขึ้น โดยเรียนรู้จากภาคเอกชน ซึ่งในปี 2015 เคยมีการแฮกข้อมูลบุคคลไปกว่า 22 ล้านรายจากฐานข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ Satya Nadella, CEO Microsoft ชี้ว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับตอนนี้ เรื่องแรกก็คือ การทำให้รัฐบาลทันสมัยเพื่อให้ไปกันได้กับพัฒนาการทางเทคโนโลยีล่าสุด เรื่องที่สอง คือการทำงานร่วมกันอย่างดีที่สุดที่รัฐบาลต้องช่วยพัฒนาทักษะให้กับประชาชนรองรับงานที่ต้องทำในอนาคต และประการสุดท้ายคือการที่รัฐบาลจะต้องเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ Satya เห็นว่า ตอนนี้รัฐบาลทำได้ดีพอควรเพราะได้ให้ทุนส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยให้กับสถาบันต่างๆ เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี แต่สำหรับนโยบายผู้อพยพนั้น ช่วยทำให้ Microsoft ได้ประโยชน์พอสมควรจากทักษะและบุคลากรในประเทศต่างๆ ซึ่งก็เชื่อว่าเราควรจะดำเนินนโยบายเช่นนี้ต่อไป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอเมริกาได้ Jeff Bezos, CEO จาก Amazon เขาสนับสนุนแนวคิดที่มีการบริหารด้านนวัตกรรมด้วยการให้มีสภานวัตกรรมอย่างที่ปรากฎอยู่ เขาคิดว่า Jared (ลูกเขยของทรัมป์) ก็ทำเรื่องนี้อยู่ด้วย ขณะเดียวกันก็คิดว่าควรจะใช้เทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยประหยัดสำหรับผู้จ่ายภาษีพอสมควร ซึ่งตอนนี้ Amazon เองก็ทำเรื่องพัฒนาทักษะบุคลากรอยู่ เรียกว่า Career Choice ซึ่งทำไปแล้วกว่าหมื่นราย Ivanka (ลูกสาวทรัมป์) ก็รู้เรื่องนี้ดี สิ่งที่สำคัญสำหรับตอนนี้ก็คือ สหรัฐฯ ควรจะทำเรื่องนี้ในทุกระดับ นั่นก็คือเรื่อง Machine Learningและ Artificial Intelligence ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดหาให้กับพลเมืองของเราได้ Tim Cook, CEO แห่ง Apple Cook ให้ความสำคัญกับการเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง strong encryption เขาเห็นว่า สหรัฐฯ ควรจะมีรัฐบาลที่ทันสมัย ซึ่งเป็นเรื่องดีมากที่ Jared (ลูกเขยทรัมป์) ได้พยายามรันเรื่องนี้อยู่ ซึ่งรัฐบาลทรัมป์เองควรจะมุ่งเป้าไปที่พลเมืองและให้บริการในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอนนี้รัฐบาลยังไม่สามารถทำได้ เขาคาดหวังว่ารัฐบาลทรัมป์จะหารือกับทางคณะรัฐมนตรีต่อไปในเรื่องนี้ว่าจะสามารถให้บริการพลเมืองได้อย่างไร อีกเรื่องที่ Cook สนใจคือเรื่อง หนี้สาธารณะก้อนใหญ่ในโรงเรียนรัฐทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ทาง Apple ก็พยายามทำอยู่ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาเช่นกัน เหตุใด Mark Zuckerberg ไม่มาร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้ทรัมป์ 2 ครั้งแล้ว การพบปะกันครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับผู้เชี่ยวชาญด้าน IT นั้น Mark Zuckerberg ไม่ได้มา แต่ส่งเบอร์ 2 ของเขา หรือ COO Sheryl Sandberg เข้าร่วม ขณะนั้น Mark ไม่เห็นด้วยกับนโยบายสร้างกำแพงของทรัมป์ และการสกัดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งเรื่องนโยบายอพยพ การลดการค้า ฯลฯ ครั้งที่สองนี้ Mark ไม่เข้าร่วมไม่พอ ตัว Sandberg ที่เป็น COO ที่เคยเข้าพบปะทรัมป์ครั้งแรก ครั้งนี้ก็ไม่เข้าร่วม โดย Mark ให้เหตุผลว่า ตัวเขาติดงานต้องไปพูดในงาน Facebook ที่ชิคาโก ส่วน Sandberg ก็ต้องไปงานเทศกาลด้านโฆษณาระดับบิ๊กที่จัดขึ้นทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และได้ส่งสมาชิกบอร์ดเข้าร่วม นั่นคือ Peter Thiel ซึ่งนั่งเป็นที่ปรึกษาทรัมป์ด้วย และไปร่วมงานนี้ในฐานตัวแทนบริษัทด้านการลงทุน Founders Fund ที่มา - The White House, Reuters, Business Insider, Bloomberg Topics: Donald TrumpWhitehouse