นับว่าดุเดือดจริงๆ กรณีคลิป Facebook Live ของ Diamond Reynolds ถ่ายทอดสดเหตุการณ์หลังแฟนตัวเองถูกตำรวจยิงจนเสียชีวิต Facebook นำคลิปดังกล่าวออกชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค คลิปนั้นกลับมาดูได้โดยมีป้ายคาดเนื้อหามีความรุนแรง และจะไม่ play บนไทม์ไลน์อัตโนมัติจนกว่าผู้ใช้จะกด play นอกเหนือจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับคนผิวสีแล้ว สปอตไลต์อีกดวงก็หันมาจับจ้องที่ Facebook ทันที สังคมตั้งคำถามว่า Facebook เป็นหน่วยเซนเซอร์เนื้อหาไปตั้งแต่เมื่อไร ล่าสุด Facebook ออกมาแถลงนโยบาย และสำนักข่าว Techcrunch ได้พูดคุยเพิ่มเติมกับทีมงาน Facebook สรุปความสำคัญได้ดังนี้ การลบคอนเทนต์จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรง เฉลิมฉลองการก่อการร้าย มีการเยาะเย้ยล้อเลียนผู้ตายเท่านั้น ส่วนการคาดป้ายกราฟิกบนพื้นหลังสีดำเป็นการเตือนผู้ใช้ว่าเนื้อหานี้อาจมีภาพรุนแรง สะเทือนใจ เช่นในกรณีคลิปของ Reynolds และคอนเทนต์ดังกล่าวจะสามารถอยู่ใน Facebook ต่อไปได้ตามปกติ กรณีมีคนโพสต์เนื้อหารุนแรง และใช้ข้อความเชิงว่าสิ่งนี้แย่มาก คอนเทนต์นั้นจะไม่ถูกลบ แต่ถ้าใช้ข้อความเชิงว่า สิ่งนี้ดี ควรได้รับการสนับสนุน คอนเทนต์นั้นจะถูกนำออกทันที การรีพอร์ตยังคงทำได้ แต่การนำคอนเทนต์ออก ต้องมีเนื้อหารุนแรงตามข้อแรก ถ้าเนื้อหามีการข่มขู่ ขู่จะทำร้ายทีมงาน หรือใครก็ตาม คอนเทนต์นั้นจะถูกนำออกเช่นกัน และจะมีเรื่องกฎหมายเข้ามาด้วย เพราะการข่มขู่ผู้อื่นมีความผิดทางกฎหมาย ภาพจาก live.FB การเกิดขึ้นของ Facebook Live คืออนาคตของสื่อ และทำลายบรรทัดฐานการรายงานสิ่งต่างๆ แบบฉับไวของทวิตเตอร์ลงได้ (จนทวิตเตอร์อยู่เฉยไม่ได้ต้องจับทางนี้บ้าง) และยังเป็นเครื่องมือฉุกเฉินยามเกิดเหตุการณ์คับขัน เป็นหลักฐานสำคัญที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ Facebook จึงหลบเลี่ยงความรับผิดชอบที่มีค่าสูงยิ่งได้ยาก ที่มา - Techcrunch via Facebook Newsroom Topics: FacebookCrimeUSAPublic PolicyLive Streaming