สัมภาษณ์สตาร์ตอัพ Vetside เปลี่ยนวงการสัตวแพทย์-สัตว์เลี้ยงด้วยเทคโนโลยี

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Jan 14, 2016.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    [​IMG]
    แนวโน้มของสตาร์ตอัพที่น่าสนใจในช่วงหลัง เป็นสตาร์ตอัพกลุ่มที่เราเรียกกันว่า vertical นั่นคือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในอุตสาหกรรมของตัวเอง แล้วพยายามนำเครื่องมือด้านเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมนั้นๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยโครงสร้างแบบเดิม

    สตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่ค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องนี้คือ Vetside กับความพยายามนำเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาให้วงการสัตวแพทย์ อ่านถูกแล้วครับ สตารํตอัพด้านสัตวแพทย์

    Vetside อาจไม่ใช่หน้าใหม่ของวงการสตาร์ตอัพไทยนัก เพราะผ่านโครงการ True Incube รุ่นที่ 2 ในปี 2014 และเข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นเพของทีมผู้ก่อตั้งอาจดูแหวกกรอบสตาร์ตอัพสายไอทีอยู่บ้าง เพราะรายหนึ่งเป็นสัตวแพทย์ตัวจริง และอีกรายจบมาทางสถาปัตยกรรม (ทางทีมบอกผมว่าชีวิตก่อนหน้านี้ไม่เคยเกี่ยวข้องกับไอทีเลย)

    ที่มาที่ไปของ Vetside คือผู้ก่อตั้ง คุณก้อง ธนพัฒน์ สุขวิสุทธิ์ ซึ่งประกอบอาชีพสัตวแพทย์อยู่แต่เดิม พบปัญหาของวงการสัตวแพทย์ว่าต้องการความเชี่ยวชาญต่อการรักษาสัตว์แต่ละประเภทมาก ไม่ใช่ว่าสัตวแพทย์ทุกคนจะสามารถรักษาสัตว์ได้ทุกชนิด และสัตว์แต่ละชนิดก็มีรูปแบบของโรคภัยความเจ็บป่วยแตกต่างกันมากๆ คุณก้องเองเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญการรักษา “ปลา” ซึ่งไม่ถือว่าแปลกมากนัก เพราะมีหมอที่เชี่ยวชาญ “เต่า” “งู” รวมถึงขั้นสุดคือ “ปลาโลมา” ด้วย (มีไม่กี่คนในอาเซียน)

    [​IMG]

    เมื่อสัตวแพทย์ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสูง ปัญหาของวงการคือไม่รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญสัตว์ประเภทนั้นคือใครบ้าง เมื่อเจอเคสแปลกๆ เช่น หมอหมาต้องไปรักษาปลา ทางออกก็คือตามกันในหมู่เพื่อนฝูงที่รู้จักกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

    Vetside จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเครือข่ายสำหรับสัตวแพทย์ในการแชร์ความเชี่ยวชาญระหว่างกัน โดยใช้เครื่องมือด้านไอทีเข้ามาช่วยเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างแวดวงสัตวแพทย์ ตัวคุณก้องอยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว จึงสามารถชวนเพื่อนๆ สัตวแพทย์มาเข้าร่วมระบบได้ไม่ยากนัก

    อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง (pet care industry) ไม่ได้มีแค่ “สัตวแพทย์” (veterinarian หรือเรียกย่อๆ ว่า vet) แต่ยังมีเจ้าของสัตว์เลี้ยง (pet owner) และโรงพยาบาลสัตว์ (pet hospital) เป็นปัจจัยร่วมด้วย รวมถึงธุรกิจต่อยอดอย่างอาหารสัตว์ ยาสำหรับสัตว์ บริการเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ฯลฯ อีกมากมาย

    [​IMG]

    ทางทีม Vetside จึงมองภาพรวมของอุตสาหกรรมว่านี่เป็นโอกาสทางธุรกิจ และน่าจะใช้ความเชี่ยวชาญของตนให้เกิดประโยชน์ได้ และขยายขอบเขตธุรกิจให้ครอบคลุมความต้องการของทุกกลุ่ม ได้แก่

    • Vetside - บริการแชร์ความรู้และเครือข่ายสังคมสำหรับสัตวแพทย์ (จากสถิติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมานำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยแมว และกระต่าย!!!)
    • VetList - ข้อมูลยาสำหรับสัตวแพทย์ เหมือนเป็นคู่มือให้สัตวแพทย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    • iTaam (ไอ้แต้ม) - บริการสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง ใช้ค้นหาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำ-ติดต่อใช้บริการรักษาสัตว์ และ มี profile ของสัตว์แต่ล่ะตัว ที่สามารถบันทึกข้อมูลร่วมกันได้ระหว่างเจ้าของสัตว์และสัตวแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้การดูแลสุขภาพสัตว์ มีประสิทธิภาพ มากขึ้น
    • VetOS - บริการสำหรับโรงพยาบาลสัตว์ เป็นชุดซอฟต์แวร์ CRM สำเร็จรูปสำหรับงานด้านการรักษาสัตว์เพื่อให้โรงพยาบาลสัตว์ดูแลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    โมเดลธุรกิจของทีม VetSide คือสร้างทราฟฟิกจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการสัตว์เลี้ยง และหารายได้จากบริการต่อยอดอื่นๆ เช่น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ผู้ผลิตยา รวมถึงคิดค่าใช้บริการซอฟต์แวร์จากโรงพยาบาลสัตว์โดยตรงด้วย

    [​IMG]

    ที่ผ่านมา VetSide ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งงานสตาร์ตอัพระดับเอเชียของ IBM ที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2015 และได้รางวัลอันดับสองติดมือกลับมาด้วย

    [​IMG]

    Interview, Startup
     

Share This Page